“ไอแบงก์” ส่งแผนฟื้นฟูถึงมือ “คลัง” เรียบร้อยแล้ว มั่นใจปลายปีกลับสู่ภาวะปกติ

“ไอแบงก์” ส่งแผนฟื้นฟูถึงมือ “คลัง” เรียบร้อยแล้ว พร้อมขอเพิ่มทุนกว่า 2 พันล้านบาท ตั้งเป้าปี 56 ปล่อยสินเชื่อได้ 6,000 ล้านบาท หรือขยายตัว 5-6% มั่นใจหาก “คลัง” เห็นด้วย สถานการณ์ของธนาคารจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในไตรมาส 3 หรือ 4 ปีนี้

นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะพยายามผลักดันให้สถาบันการเงินของรัฐช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) มากขึ้น โดยตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อให้แก่เอสเอ็มอีปีนี้ 400,000 ล้านบาท เพราะต้องการให้ธนาคารของรัฐเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น เพราะที่ผ่านมา ธนาคารรัฐมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อให้แก่เอสเอ็มอีเพียงร้อยละ 3 ซึ่งถือว่าน้อยเกินไป

นายธานินทร์ อังสุวรังษี ผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) กล่าวว่า ธนาคารจะนำส่งแผนฟื้นฟูฐานะของธนาคารให้แก่กระทรวงการคลังในวันนี้ (18 มี.ค.) โดยมีแนวทางการปล่อยสินเชื่อ เน้นลูกค้ารายย่อย และเอสเอ็มอี รวมถึงผู้นับถือศาสนาอิสลามเป็นหลัก และจะพิจารณาปล่อยสินเชื่อรายย่อยวงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย ส่วนเอสเอ็มอีไม่เกิน 200 ล้านบาทต่อราย ซึ่งตั้งเป้าปีนี้ว่าจะปล่อยสินเชื่อให้ได้ 6,000 ล้านบาท หรือขยายตัวร้อยละ 5-6

นอกจากนี้ แผนฟื้นฟูฯ ดังกล่าวยังได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้เสียของธนาคาร โดยจะแก้ไขลูกหนี้รายใหญ่ที่มีปัญหาหนี้เสีย 100 รายแรกก่อน โดยจะเรียกมาเจรจาทั้งหมด ซึ่งกลุ่มนี้มีวงเงินสินเชื่อรวม 12,000 ล้านบาท แต่คาดว่าจะสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ภายในปีนี้ประมาณ 6,000 ล้านบาท

นายธานินทร์ กล่าวถึงวงเงินที่ธนาคารมีความจำเป็นในการดำเนินธุรกิจต่อไปว่าอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท โดยจะขอเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน โดยในส่วนของกระทรวงการคลังนั้น เสนอวงเงินเพิ่มทุนประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งหากสามารถเพิ่มทุนได้ 6,000 ล้านบาท ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) ขยับขึ้นจากร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 9 โดยคาดว่า หากกระทรวงการคลังเห็นชอบตามแผนฟื้นฟูฯ ดังกล่าว ก็คาดว่าสถานการณ์ของธนาคารจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในไตรมาส 3 หรือ 4 ปีนี้