ไม่มาตามนัด อิสลามแบงก์ขอเลื่อนส่งแผนฟื้นฟูมาให้กระทรวงคลัง “สมชัย” ขีดเส้นต้องไม่เกินสิ้นเดือนนี้ พร้อมช่วยวิ่งหาเงินเพิ่มทุนจากแหล่งอื่นก่อนชง “กิตติรัตน์” อนุมัติ หลังงบประมาณไม่พอยาไส้ หลือแค่ 445 ล้าน จากที่ต้องการถึง 6-7 พันล้าน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ผู้บริหารของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือไอแบงก์ ได้ขอเลื่อนการส่งแผนฟื้นฟูมาให้ สศค.พิจารณา ซึ่งตามหลักต้องเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังได้พิจารณาเห็นชอบแผนฟื้นฟูไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้เร่งรัดไปทางธนาคารฯ แล้วคาดว่าจะส่งแผนมาได้ภายในเดือนมีนาคมนี้
ส่วนการเพิ่มทุนจะพิจารณาจากความเป็นไปได้ตามแผนการแก้ไขปัญหานี้เสีย ซึ่งอาจจะมากกว่างบประมาณที่เตรียมไว้ในปี 2556 จำนวน 1,000 ล้านบาท และเหลือเพียง 445 ล้านบาท เนื่องจากจะใช้เพิ่มทุนให้เอสเอ็มอีแบงก์ 555 ล้านบาท โดยอาจจะนำเงินจากส่วนอื่นมาใส่ให้เพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอต่อการดำเนินงานในอนาคต แต่ต้องรอเสนอให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาความเหมาะสมก่อน
ก่อนหน้านี้ นายธานินทร์ อังสุวรังษี ผู้จัดการธนาคารอิสลามฯ ระบุว่า แผนเพิ่มทุนใหม่ที่จะเสนอ คาดว่าจะขอเงินเพิ่มทุน 6,000-7,000 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าขยายสินเชื่อให้ได้ 1.5 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันที่มีสินเชื่อประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่จะขอเพิ่มทุน 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายสินทรัพย์เป็น 3 แสนล้านบาท ใน 5 ปี เนื่องจากในครั้งแรกที่หารือกันนั้นกระทรวงการคลังมองว่าเป็นวงเงินที่สูงเกินไป ธนาคารจึงต้องกลับมาทำแผนเพื่อเสนอกลับไปใหม่
โดยตั้งเป้าหมายขยายสินทรัพย์เป็น 2 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปี รวมทั้งเตรียมสัดส่วนเงินลงทุนกับเงินให้สินเชื่อจาก 25% ต่อ 75% เป็น 20% ต่อ 80% โดยจะเน้นการเพิ่มสัดส่วนการขยายสินเชื่อไปยังรายย่อยมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังตั้งเป้ายอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จากการปล่อยสินเชื่อใหม่ต้องไม่เกิน 2% จากปัจจุบัน มีเอ็นพีแอลที่ 3.9 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 20% ของสินเชื่อทั้งหมด
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ผู้บริหารของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือไอแบงก์ ได้ขอเลื่อนการส่งแผนฟื้นฟูมาให้ สศค.พิจารณา ซึ่งตามหลักต้องเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังได้พิจารณาเห็นชอบแผนฟื้นฟูไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้เร่งรัดไปทางธนาคารฯ แล้วคาดว่าจะส่งแผนมาได้ภายในเดือนมีนาคมนี้
ส่วนการเพิ่มทุนจะพิจารณาจากความเป็นไปได้ตามแผนการแก้ไขปัญหานี้เสีย ซึ่งอาจจะมากกว่างบประมาณที่เตรียมไว้ในปี 2556 จำนวน 1,000 ล้านบาท และเหลือเพียง 445 ล้านบาท เนื่องจากจะใช้เพิ่มทุนให้เอสเอ็มอีแบงก์ 555 ล้านบาท โดยอาจจะนำเงินจากส่วนอื่นมาใส่ให้เพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอต่อการดำเนินงานในอนาคต แต่ต้องรอเสนอให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาความเหมาะสมก่อน
ก่อนหน้านี้ นายธานินทร์ อังสุวรังษี ผู้จัดการธนาคารอิสลามฯ ระบุว่า แผนเพิ่มทุนใหม่ที่จะเสนอ คาดว่าจะขอเงินเพิ่มทุน 6,000-7,000 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าขยายสินเชื่อให้ได้ 1.5 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันที่มีสินเชื่อประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่จะขอเพิ่มทุน 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายสินทรัพย์เป็น 3 แสนล้านบาท ใน 5 ปี เนื่องจากในครั้งแรกที่หารือกันนั้นกระทรวงการคลังมองว่าเป็นวงเงินที่สูงเกินไป ธนาคารจึงต้องกลับมาทำแผนเพื่อเสนอกลับไปใหม่
โดยตั้งเป้าหมายขยายสินทรัพย์เป็น 2 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปี รวมทั้งเตรียมสัดส่วนเงินลงทุนกับเงินให้สินเชื่อจาก 25% ต่อ 75% เป็น 20% ต่อ 80% โดยจะเน้นการเพิ่มสัดส่วนการขยายสินเชื่อไปยังรายย่อยมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังตั้งเป้ายอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จากการปล่อยสินเชื่อใหม่ต้องไม่เกิน 2% จากปัจจุบัน มีเอ็นพีแอลที่ 3.9 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 20% ของสินเชื่อทั้งหมด
