ผู้บริหาร “เอสเอ็มอีแบงก์” ยอมรับ โครงการรัฐมีส่วนสร้างหนี้เสีย ผนวกกับปัญหาสารพัดวิกฤต ศก. และภัยพิบัติน้ำท่วม ซ้ำเติมปัญหาให้สาหัสจนเกินที่จะเยียวยา
การประชุมคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายฉลาด ขามช่วง ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้พิจารณาเรื่อง ปัญหาหนี้สินของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ โดยได้เชิญนายชาตรี เวทสรณสุธี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยวางแผนและงบประมาณ มาชี้แจงถึงปัญหา และแผนฟื้นฟูกิจการ
นายชาตรี กล่าวว่า สาเหตุปัญหามาจากลูกหนี้ของ ธพว. ที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจในรอบ 5-7 ปีที่ผ่านมา ต้องเจอกับปัญหาหลายด้าน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ และภัยพิบัติ ทำให้พอเมื่อเริ่มจะมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ก็ต้องมาเจอกับปัญหาซ้ำเข้าไปอีก จึงกระทบต่อสภาพคล่อง และไม่สามารถชำระหนี้กับธนาคารได้ตามกำหนดจนกลายเป็นหนี้เสีย
“สินเชื่อที่เป็นหนี้เสียของธนาคาร มีทั้งในส่วนที่เป็นสินเชื่อทั่วไป และสินเชื่อโครงการซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี โดยใน 4-5 ปีที่ผ่านมา สินเชื่อโครงการของธนาคารเพิ่มขึ้นมากเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาให้แก่ประเทศ”
นายชาตรี ยกตัวอย่าง เมื่อครั้งประเทศเกิดเหตุการณ์โรคไข้หวัดนกระบาด ทางธนาคารก็เข้าไปช่วยให้เกษตรกรได้รับสินเชื่อเพื่อไปปรับปรุงฟาร์มให้มีมาตรฐาน เช่นเดียวกับเหตุการณ์น้ำท่วม ปรากฏว่า ก็มีทั้งในรายที่สามารถชำระหนี้ได้ และชำระหนี้ไม่ได้ เป็นต้น ทำให้เราต้องคอยประคบประหงมกันต่อไปเรื่อยๆ เช่นกัน
นายชาตรี กล่าวว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบการทุจริตปล่อยสินเชื่อทางธนาคารได้มีระบบตรวจสอบร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว โดยถ้าพบว่ามีมูลความผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป