“การเมืองระอุ” สะเทือนตลาดหุ้น นักลงทุนกังวลความไม่ต่อเนื่อง ชี้เลวร้ายสุดแค่เปลี่ยนตัวนายกฯ

“ก้องเกียรติ” ยอมรับ “การเมืองระอุ” กระทบตลาดหุ้น นักลงทุนกังวลความไม่ต่อเนื่องเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ถือเป็นความห่วงใยระยะสั้น ชี้หากเกิดเหตุเลวร้ายสุด มีการเปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาลจริง ก็ยังเชื่อว่านโยบายต่างๆ ยังมีความต่อเนื่อง ดังนั้น นักลงทุนอย่ากังวลจนเกินเหตุ

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริการ บริษัทหลักทรัยพ์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวถึงผลกระทบด้านการเมืองที่ทำให้หุ้นไทยร่วงแรงช่วง 1-2 วันนี้ โดยมองว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ถือเป็นความห่วงใยระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนกังวลความไม่ต่อเนื่อง ถ้ากรณีเลวร้ายสุด หากมีการเปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาลจริง ก็ยังเชื่อว่านโยบายต่างๆ ยังมีความต่อเนื่อง ดังนั้น นักลงทุนอย่ากังวลจนเกินเหตุ

สำหรับทิศทางหุ้นในระยะยาว นายก้องเกีรติ ยังคงมีมุมมองเป็นบวก แม้จะมีการปรับฐานบ้างในช่วงนี้ เพื่อรอการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งในเร็วๆ นี้ ก็จะมีการประกาศผลประกอบการของกลุ่มธนาคาร คงต้องมาดูอีกทีว่า ผลประกอบการเป็นไปอย่างที่นักวิเคราะห์คาดการณ์หรือไม่

นอกจากนี้ นายก้องเกีรติ ยังมองว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่วางไว้ 2 ล้านล้านบาท จะส่งผลดีต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ทั้งนี้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาก โดยในไตรมาส 1 เพิ่มขึ้นประมาณ 10% และในปีที่ผ่านมา ดัชนีก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30% หรือคิดเป็นเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ในช่วง 5 ไตรมาสติดต่อกัน การปรับตัวลดลงถือเป็นเรื่องปกติ

นายก้องเกียรติ ยอมรับว่า การปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยในช่วงหลังๆ เป็นการหนุนของหุ้นขนาดเล็ก และหุ้นที่ไม่มีคุณภาพ โดยพบว่ามีการขึ้นไปแบบผิดปกติ หลายตัวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่มีคุณภาพ หมายถึงผลประกอบการไม่รองรับราคาหุ้น เชื่อว่าที่สำคัญนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาเยอะ ต้องการทำกำไรเร็วโดยขาดประสบการณ์ บางทีอาจตกเป็นเหยื่อด้วย

โดยในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ และโบรกเกอร์ได้มีการออกมาตรการที่เข้มงวดเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหุ้น ซึ่งทำให้หุ้นเก็งกำไรได้รับผลกระทบ และการปรับตัวลดลงของดัชนีในครั้งนี้ก็เป็นปรากฏการณ์ที่ได้รับผลกระทบในกลุ่มที่เก็งกำไรผิดปกติ