“โกลเบล็ก โฮลดิ้งฯ” มองกรอบราคาทองคำ Q2 แนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบช่วง 1,525-1,750 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 21,000-24,100 บาท ด้าน “ทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต” ชี้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ อานิสงส์แรงหนุนปัญหาวิกฤตหนี้ยูโรโซน ส่งผลแรงเก็งกำไรในตลาดทองคำ
นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) ประเมินแนวโน้มการลงทุนในตลาดทองคำไตรมาส 2/2556 ว่า แนวโน้มความเคลื่อนไหวราคาทองคำคาดว่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,525-1,750 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือประมาณ 21,000-24,100 บาท/บาททองคำ (FX = 29.30 บาท/USD) โดยมองว่า หากปัญหาวิกฤตหนี้ยูโรโซนยังคงยืดเยื้อต่อไป จะส่งผลดีต่อแรงหนุนราคาทองคำที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามแรงเก็งกำไรจากปัจจัยดังกล่าว
นอกจากนี้ การลดปริมาณการขายของกองทุน SPDR (ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.-29 มี.ค.) ที่มีสถานะขายสุทธิเพียง 32.62 ตัน ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. ที่มีสถานะขายสุทธิออกมา 73.60 ตัน ขณะเดียวกัน ปัจจัยหนุนจากมาตรการดอกเบี้ยระดับต่ำที่ 0.25% และการดำเนินมาตรการ QE3 และ QE4 ของธนาคารกลางสหรัฐฯ จนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 6.5% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ราคาทองคำในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
“ในปี 2555 ผลตอบแทนของทองคำปรับตัวลดลง 7.27% จากในอดีตที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีเฉลี่ยถึง 15.19% โดยผลตอบแทนเฉลี่ยของดัชนีหุ้นในปีที่ผ่านมาสูงถึง 19.63% จากตลาดหุ้นหลัก 4 ประเทศทั่วโลก (German DAX, Japan Nikkei, Hong Kong Hang Seng, และ USA Dow Jones) ซึ่งผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปี 2555 ให้ผลตอบแทนสูงถึง 34.34% ซึ่งมากกว่าดัชนีหุ้นของ 4 ประเทศหลัก” นายทรงวุฒิกล่าว
อย่างไรก็ตาม จากผลตอบแทนราคาทองคำที่ปรับลดลง ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุน โดยหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า โดยเฉพาะการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ดังนั้น ในไตรมาส 1/2556 ราคาทองคำจึงได้รับแรงกดดันการปรับพอร์ตการลงทุนจากนักลงทุน และกองทุนเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากไตรมาส 1/2556 จะเห็นว่า ราคาทองคำได้ปรับตัวลงอีกกว่า 3.83% โดยได้รับแรงขายจากกองทุน SPDR ที่ขายไปแล้วทั้งสิ้น 128.66 ตัน ซึ่งมากกว่าการเข้าซื้อของกองทุนดังกล่าวในปี 2555 ทั้งปี ที่ซื้อรวมจำนวนทั้งสิ้น 96 ตัน นอกจากนี้ ยังถูกกดดันจากการประกาศผลผลิตมวลรวม (QoQ) ของฝรั่งเศส เยอรมนี และยูโรโซน ณ สิ้นไตรมาส 4/2555 ออกมาที่ระดับ -0.3%, - 0.6% และ - 0.6% ตามลำดับ ถือเป็นครั้งแรกที่เศรษฐกิจของยูโรโซนหดตัวพร้อมกัน
“ในช่วงปลายไตรมาสแรก ราคาทองคำมีปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลเกี่ยวกับไซปรัส และการปฏิรูปภาคธนาคาร อันเป็นผลมาจากการขอเงินช่วยเหลือจากยูโรโซน และกองทุนการเงินระหว่างประเทศจำนวน 1 หมื่นล้านยูโร ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกลับมากังวลในวิกฤตหนี้ยูโรโซน เป็นผลให้ทยอยขายเงินยูโร แล้วหันมาถือทองคำ และ US Dollar ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในเดือน มี.ค.56 ที่ยังคงมติการใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นที่ระดับ 0.25% และจะยังคงดำเนินมาตรการซื้อคืนสินทรัพย์ในวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน จนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 6.5%” นายทรงวุฒิกล่าว