xs
xsm
sm
md
lg

BWG รุกอัดขยะก้อนป้อนโรงปูน พร้อมตั้งโรงไฟฟ้าทั้งใน และต่างประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน” เล็งลุยโรงไฟฟ้าทั้งในไทย และประเทศเพื่อนบ้าน รุกผลิตขยะอัดก้อนส่งโรงปูนซีเมนต์ทำเชื่อเพลิงตีตลาดถ่านหิน ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า เฟสแรกเริ่มดำเนินการ 250 ตันต่อวัน พร้อมคาดปีนี้รายได้โตไม่ต่ำกว่า 10%
 
นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG กล่าวว่า จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีสั่งยกฟ้องกรณีที่หน่วยงานรัฐ และ เจ้าหน้าที่ราชการกล่าวหาถึงการสร้างมลพิษที่เกิดขึ้นจากโรงงานคัดแยกขยะของบริษัทนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้น พิจารณายกฟ้องเนื่องจากสามารถตรวจสอบพิสูจน์ตามกระบวนการหลักวิทยาศาสตร์แล้ว พบว่า บริษัทฯ ไม่ได้ก่อมลพิษตามที่ถูกกล่าวหา
 
“ธุรกิจกำจัดขยะถือได้ว่าเป็นธุรกิจใหม่โดยได้เริ่มในระยะปี 40-41 จัดสรรที่ดินในการสร้างโรงงานบำบัดขยะทั้งขยะทั่วไป และขยะมีพิษเกือบ 300 ไร่ โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะมาจากภาคอุตสาหกรรม ส่วนปัญหาฟ้องร้องที่เกิดขึ้นนั้น มาจากการที่บริษัทร่วมส่วนหนึ่งละเลยในเรื่องมาตรฐานในการขนส่ง และการฝังกลบ ทำให้เกิดการรั่วไหลของขยะนอกเหนือจากการควบคุม และการเสียผลประโยชน์ของนักการเมืองในท้องถิ่น ซึ่งทำให้เกิดการฟ้องร้องขึ้น ซึ่งเคยเกิดกรณีนี้ในปลายปี 2546 ทำให้บริษัทต้องหยุดกิจการไปในระยะหนึ่ง และต้องใช้เวลาพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment หรือ EIA) เป็นเวลานานกว่า 6 เดือน  เพื่อให้กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ตรวจสอบจนได้ข้อสรุปส่งศาลจึงพิจารณาตัดสินยกฟ้อง ในที่สุดจึงกลับมาเริ่มการทำงานได้”
 
ปัจจุบัน BWG มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลักๆ 2 กลุ่มคือ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม และ หน่วยงานของรัฐ  โดยในปี 2556  จะเน้นกิจกรรมเชิงรุกมากขึ้น ผ่านการทำ CSR (Corporate Social Responsibility) กิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมที่อยู่โดยรอบโรงงาน ซึ่งโรงงานหลักในจังหวัดสระบุรีขณะนี้มีพื้นที่รองรับการแปรรูปขยะ 300 ไร่ และในอนาคต บริษัทมีแผนที่จะทำโครงการนำขยะมาอัดเป็นก้อน (Refuse Derived Fuel: RDF) ส่งขายเป็นเชื้อเพลิงเตาเผาให้แก่โรงปูนต่างๆ และโรงผลิตไบโอแก๊ส โดยจะใช้เงินลงทุน RDF ในระยะแรก 200 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มการดำเนินการในเฟสแรกในเมษายน 56 กำลังผลิต 250 ตันต่อวัน จะรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 2-3 ปีนี้ และคาดว่าจะอยู่ที่ 10-15%
 
ขณะที่การดำเนินงานในเฟสที่ 2  จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 1 พันตันต่อวัน และจะรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งแหล่งเงินทุนจะขอกู้เงินลงทุนจากสถาบันการเงินเพิ่มประมาณ 400-500 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะมีรายได้เบ็ดเสร็จ 30-40%
 
ทั้งนี้ ปริมาณความต้องการขยะเชื้อเพลิง RDF จากโรงผลิตปูนซีเมนต์ต่างๆ กว่า 50 โรงนั้น บริษัทฯ สามารถผลิตได้ 2,000-4,000 ตัน/วัน ในราคาขายเฉลี่ยที่ 1,000-1,500 บาท/ตัน ซึ่งถูกกว่าถ่านหินซึ่งมีราคา 2,500-3,000 บาท/ตัน โดย RDF จะให้ค่าความร้อนเผาใหม้ที่ 3,000-3,500 กิโลแคลอรี ใกล้เคียงกับถ่านหิน
 
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมวางแผนในการที่ก่อสร้างโรงผลิตไฟฟ้าในอนาคต เพื่อรองรับต่อความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย และขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับเศรษฐกิจประชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยในปี2556 บริษัทคาดการณ์รายได้จะเติบโต 10%  จากรายได้รวมทั้งหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น