ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กรมควบคุมมลพิษ เลือกภูเก็ต เป็น 1 ใน 5 จังหวัดนำร่องดำเนินโครงการ “การขับเคลื่อน เมืองสวยใส ไร้มลพิษ” สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายชุมชน ปี 2556
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การขับเคลื่อนภูเก็ต เมืองสวยใส ไร้มลพิษ” ระหว่างกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ จังหวัดภูเก็ตและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต โดยมี นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และนายยุทธพงษ์ วัฒนะลาภา ผู้อำนวยการสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นประธานลงนามในพิธี ซึ่งมีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต ทั้ง 19 แห่ง เข้าร่วมพิธีดังกล่าว
ทั้งนี้การจัดให้มีพิธีลงนามดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ร่วมกันดำเนินการจัดการมลพิษในพื้นที่ให้เป็นเมืองสวยใส ไร้มลพิษ มีการจัดการขยะมูลฝอย น้ำเสีย และอากาศ เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต กล่าวว่า ในปี 2556 กรมควบคุมมลพิษได้กำหนดให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคจัดพิธีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การขับเคลื่อนเมืองสวยใส ไร้มลพิษ” ระหว่างกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัด เพื่อผลักดันเชิงนโยบายให้เกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนการดำเนินงานจัดการมลพิษ ได้แก่ การจัดการขยะมูลฝอย น้ำเสีย และอากาศ ตลอดจนการขับเคลื่อนด้านการป้องกันมลพิษ เพื่อให้การพัฒนาจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปอย่างยั่งยืน และนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในระดับจังหวัด ให้ครอบคลุมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับเทศบาล ในพื้นที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 16 แห่ง สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคละ 1 จังหวัด
สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล มีความเห็นว่า พื้นที่ที่รับผิดชอบทั้ง 5 จังหวัดมีปัญหาด้านดำเนินงานจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่เป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นชายหาดและเกาะ จึงพิจารณาเลือกการขับเคลื่อนงานด้านการจัดการขยะมูลฝอยเป็นหลักในปีนี้
สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต ได้พิจารณาเลือก จังหวัดภูเก็ต ให้เป็นพื้นที่นำร่องดำเนินการด้านการจัดการขยะมูลฝอย โดยมีองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เทศบาล และ อบต.ทุกแห่ง ในจังหวัดทั้ง 19 แห่ง ด้วยเหตุผลประการแรกจังหวัดภูเก็ตมีกลไกการขับเคลื่อนด้านการจัดการขยะมูลฝอยโดยมีคณะกรรมการบริหารจัดการขยะมูลฝอย มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ผู้บริหารท้องถิ่นทุกแห่ง รวมทั้งหน่วยงานและภาคีที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเป็นกรรมการ และมีผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเป็นเลขานุการ ประการที่สอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ตมีการกำจัดขยะมูลฝอยแบบศูนย์รวมทั้งจังหวัด และประการสุดท้าย จังหวัดภูเก็ตเสนอโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบกำจัดขยะมูลฝอยของจังหวัด ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องร่วมกันขับเคลื่อนระบบการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนแบบครบวงจร ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการเกิดขยะมูลฝอยจนถึงการกำจัดขั้นสุดท้าย โดยต้องให้ความสำคัญในการนำขยะมูลฝอยที่มีศักยภาพกลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และลดปริมาณขยะมูลฝอยที่จะต้องนำไปกำจัดให้เหลือน้อยที่สุด
ทั้งนี้ในการดำเนินการงานจัดการปัญหาด้านการจัดการขยะมูลฝอยในระดับพื้นที่นับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา กรมควบคุมมลพิษ ได้ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ด้านการจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยได้เชิญชวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตอบรับเข้าร่วมโครงการสนับสนุนและเสริมสร้างสมรรถนะให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายจากชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้การขับเคลื่อนเมืองสวยใส ไร้มลพิษ บรรลุวัตถุประสงค์อย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต จึงได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “ภูเก็ต เมืองสวยใส ไร้มลพิษ” ขึ้นดังกล่าว
ด้าน นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีปัจจัยพื้นฐานที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนหลายประการ จึงมีโอกาสขยายตัวทางการค้าและการลงทุนในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ประกอบกับนโยบายของรัฐที่มุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวไทย และส่งเสริมให้ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก ซึ่งตนในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดมีนโยบายเรื่องการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตให้มีความยั่งยืน ตนให้ความสำคัญกับงานด้านสิ่งแวดล้อมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นอย่างมาก แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันการพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ส่งผลให้จังหวัดภูเก็ตประสบปัญหามลพิษ ทั้งปัญหาขยะมูลฝอย และน้ำเสียจากชุมชน ตลอดจนมลพิษทางอากาศในบางพื้นที่
ทั้งนี้ นายไมตรี กล่าวอีกว่า การจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ในวันนี้ จะต้องมีปัจจัยสนับสนุนทุกระดับ ตนพร้อมจะผลักดันให้กลไกของจังหวัดที่เข้มแข็ง ให้มีการดำเนินงาน “การขับเคลื่อนภูเก็ต เมืองสวยใส ไร้มลพิษ” ที่เป็นรูปธรรม อย่างต่อเนื่องจริงจัง ดังนั้น จังหวัดภูเก็ตจะมีร้านรับซื้อของเก่าที่ผ่านเกณฑ์ประเมินร้านรับซื้อของเก่าสีเขียวอย่างน้อย 10 ร้าน จะผลักดันกิจกรรม 3R, s เป็นนโยบายการจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัด ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เกิดการคัดแยกวัสดุอะลูมิเนียมส่งบริจาคไม่น้อยกว่า 1 ตัน และจังหวัดภูเก็ตจะประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เกิดการแยกทิ้งของเสียอันตรายไม่น้อยกว่า 1 ตัน ทั้งนี้เพื่อให้จังหวัดภูเก็ตยังคง สวยใส ไร้มลพิษ ดังคำขวัญของจังหวัดภูเก็ต ที่ว่า “ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม”
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การขับเคลื่อนภูเก็ต เมืองสวยใส ไร้มลพิษ” ระหว่างกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ จังหวัดภูเก็ตและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต โดยมี นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และนายยุทธพงษ์ วัฒนะลาภา ผู้อำนวยการสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นประธานลงนามในพิธี ซึ่งมีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต ทั้ง 19 แห่ง เข้าร่วมพิธีดังกล่าว
ทั้งนี้การจัดให้มีพิธีลงนามดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ร่วมกันดำเนินการจัดการมลพิษในพื้นที่ให้เป็นเมืองสวยใส ไร้มลพิษ มีการจัดการขยะมูลฝอย น้ำเสีย และอากาศ เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต กล่าวว่า ในปี 2556 กรมควบคุมมลพิษได้กำหนดให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคจัดพิธีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การขับเคลื่อนเมืองสวยใส ไร้มลพิษ” ระหว่างกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัด เพื่อผลักดันเชิงนโยบายให้เกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนการดำเนินงานจัดการมลพิษ ได้แก่ การจัดการขยะมูลฝอย น้ำเสีย และอากาศ ตลอดจนการขับเคลื่อนด้านการป้องกันมลพิษ เพื่อให้การพัฒนาจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปอย่างยั่งยืน และนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในระดับจังหวัด ให้ครอบคลุมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับเทศบาล ในพื้นที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 16 แห่ง สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคละ 1 จังหวัด
สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล มีความเห็นว่า พื้นที่ที่รับผิดชอบทั้ง 5 จังหวัดมีปัญหาด้านดำเนินงานจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่เป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นชายหาดและเกาะ จึงพิจารณาเลือกการขับเคลื่อนงานด้านการจัดการขยะมูลฝอยเป็นหลักในปีนี้
สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต ได้พิจารณาเลือก จังหวัดภูเก็ต ให้เป็นพื้นที่นำร่องดำเนินการด้านการจัดการขยะมูลฝอย โดยมีองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เทศบาล และ อบต.ทุกแห่ง ในจังหวัดทั้ง 19 แห่ง ด้วยเหตุผลประการแรกจังหวัดภูเก็ตมีกลไกการขับเคลื่อนด้านการจัดการขยะมูลฝอยโดยมีคณะกรรมการบริหารจัดการขยะมูลฝอย มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ผู้บริหารท้องถิ่นทุกแห่ง รวมทั้งหน่วยงานและภาคีที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเป็นกรรมการ และมีผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเป็นเลขานุการ ประการที่สอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ตมีการกำจัดขยะมูลฝอยแบบศูนย์รวมทั้งจังหวัด และประการสุดท้าย จังหวัดภูเก็ตเสนอโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบกำจัดขยะมูลฝอยของจังหวัด ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องร่วมกันขับเคลื่อนระบบการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนแบบครบวงจร ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการเกิดขยะมูลฝอยจนถึงการกำจัดขั้นสุดท้าย โดยต้องให้ความสำคัญในการนำขยะมูลฝอยที่มีศักยภาพกลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และลดปริมาณขยะมูลฝอยที่จะต้องนำไปกำจัดให้เหลือน้อยที่สุด
ทั้งนี้ในการดำเนินการงานจัดการปัญหาด้านการจัดการขยะมูลฝอยในระดับพื้นที่นับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา กรมควบคุมมลพิษ ได้ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ด้านการจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยได้เชิญชวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตอบรับเข้าร่วมโครงการสนับสนุนและเสริมสร้างสมรรถนะให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายจากชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้การขับเคลื่อนเมืองสวยใส ไร้มลพิษ บรรลุวัตถุประสงค์อย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต จึงได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “ภูเก็ต เมืองสวยใส ไร้มลพิษ” ขึ้นดังกล่าว
ด้าน นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีปัจจัยพื้นฐานที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนหลายประการ จึงมีโอกาสขยายตัวทางการค้าและการลงทุนในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ประกอบกับนโยบายของรัฐที่มุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวไทย และส่งเสริมให้ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก ซึ่งตนในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดมีนโยบายเรื่องการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตให้มีความยั่งยืน ตนให้ความสำคัญกับงานด้านสิ่งแวดล้อมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นอย่างมาก แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันการพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ส่งผลให้จังหวัดภูเก็ตประสบปัญหามลพิษ ทั้งปัญหาขยะมูลฝอย และน้ำเสียจากชุมชน ตลอดจนมลพิษทางอากาศในบางพื้นที่
ทั้งนี้ นายไมตรี กล่าวอีกว่า การจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ในวันนี้ จะต้องมีปัจจัยสนับสนุนทุกระดับ ตนพร้อมจะผลักดันให้กลไกของจังหวัดที่เข้มแข็ง ให้มีการดำเนินงาน “การขับเคลื่อนภูเก็ต เมืองสวยใส ไร้มลพิษ” ที่เป็นรูปธรรม อย่างต่อเนื่องจริงจัง ดังนั้น จังหวัดภูเก็ตจะมีร้านรับซื้อของเก่าที่ผ่านเกณฑ์ประเมินร้านรับซื้อของเก่าสีเขียวอย่างน้อย 10 ร้าน จะผลักดันกิจกรรม 3R, s เป็นนโยบายการจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัด ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เกิดการคัดแยกวัสดุอะลูมิเนียมส่งบริจาคไม่น้อยกว่า 1 ตัน และจังหวัดภูเก็ตจะประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เกิดการแยกทิ้งของเสียอันตรายไม่น้อยกว่า 1 ตัน ทั้งนี้เพื่อให้จังหวัดภูเก็ตยังคง สวยใส ไร้มลพิษ ดังคำขวัญของจังหวัดภูเก็ต ที่ว่า “ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม”