xs
xsm
sm
md
lg

ปธ.สภาตลาดทุนฯ ชี้หุ้นไทยร่วงหนักสัปดาห์ก่อน ไม่เกี่ยวการเมือง-ไม่มีใครทุบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไพบูลย์ นลินทรางกูร
ปธ.สภาตลาดทุนฯ ชี้บทเรียนวันศุกร์หุ้นร่วงหนักก่อนปิดลบ 50 จุด ไม่มีใครทุบ และไม่เกี่ยวการเมือง ยอมรับเกิดจากนักลงทุนกังวลปัญหาไซปรัส แนะเลี่ยงการลงทุนระยะสั้น พร้อมคาดสัปดาห์นี้ดัชนีมีโอกาสฟื้น แต่หุ้นเก็งกำไรมีโอกาสลงต่อได้

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า กรณีที่สุดสัปดาห์ที่แล้วหุ้นไทยตก 50 จุด หรือ 3.3% เป็นเรื่องที่นักลงทุนขายทำกำไรมากกว่าหลังดัชนีปรับขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อน โดยมีเรื่องความกังวลเรื่องการชำระหนี้ของไซปรัสเป็นตัวกระตุ้นให้ขายทำกำไรออกไป และไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองว่ามีใครมาทุบหุ้น

อย่างไรก็ตาม ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา หน่วยงานตลาดทุนหลายแห่ง ตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ได้มีการเตือนนักลงทุนเรื่องการเล่นหุ้นกลางและขนาดเล็กที่มีการเก็งกำไรมาโดยตลอด เนื่องจากหลายตัวราคามีการปรับตัวขึ้นสูงกว่ามูลค่าปัจจัยพื้นฐาน และปัจจุบันมีหุ้นที่นักวิเคราะห์ทำบทวิจัยเพียงกว่า 100 บริษัทเท่านั้น ทำให้ไม่มีข้อมูลสนับสนุนผู้ลงทุนที่ครบคลุมพอ ขณะที่นักลงทุนเองก็มีความสุขกับกำไรจากการลงทุนมาในระยาวโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง

สำหรับภาวะหุ้นในสัปดาห์นี้ คาดว่า ดัชนีหุ้นโดยรวมจะมีการฟื้นตัวได้เพราะมีการปรับฐานลงมาแล้ว โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เพราะลดลงเพียง 2-3% เท่านั้น เมื่อเทียบกับหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กที่ตัวไหนปรับขึ้นมาสูงมากก็มีแนวโน้มที่ราคาหุ้นจะปรับลงต่อเนื่อง

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ให้เหตุผลหุ้นไทยดิ่งจากกรณีเรื่องไซปรัสถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เพราะจากที่รวบรวมข้อมูลตลาดหุ้นทั่วโลกก็ให้น้ำหนัก และเหตุผลการปรับลงของดัชนีตัวเองจากสาเหตุไซปรัสไม่ว่าจะสหรัฐฯ หรือญี่ปุ่น และมีตัวเลขโยกเงินบางส่วนจากตลาดหุ้นไปในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าอย่างพันธบัตร

“ไม่อยากให้มองกรณีไซปรัสเป็นเรื่องเล็ก หรือเกิดขึ้นในประเทศเล็กๆ เท่านั้น เพราะมาตรการขึ้นค่าต๋งกับสถาบันการเงินในไซปรัส มีผลต่อความเชื่อมั่นสถาบันการเงินในยุโรปทั้งหมด เพราะจะเกิดความกังวลว่าอนาคตหากมีประเทศที่ประสบปัญหาเหมือนไซปรัส ประเทศอื่นจะโดนแช่แข็งในลักษณะเดียวกันหรือไม่ รวมทั้งเรื่องที่จะขับไซปรัสออกจากกลุ่มยูโรโซนด้วย”

ทั้งนี้ มองการเคลื่อนไหวดัชนีสัปดาห์นี้ยังขึ้นอยู่กับกรณีกรอบเวลาที่ให้ไซปรัสชำระหนี้เพราะหากเกิดเจรจาต่อรองผ่อนปรนมาตรการกับกลุ่มยุโรปก็อาจทำให้หุ้นดีดขึ้น (รีบาวนด์) ได้บ้าง แต่ถ้าการเจรจาต่อรองไม่ได้ผลดัชนีก็พร้อมจะปรับลงทุกเมื่อ

ขณะเดียวกัน ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยพร้อมที่จะตกใจ และนักลงทุนเหมือนอยู่ในช่วงเหลียวหน้าแลหลังจะตัดสินใจขายทำกำไร เนื่องจากหุ้นขึ้นมาต่อเนื่องจนระดับอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) ปีนี้สูงถึง 18.6 เท่า ซึ่งถือว่าสูงมาก ส่งผลให้หุ้นที่ขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์สูงก็พร้อมที่จะตกลงในเปอร์เซ็นต์สูงเช่นกัน ส่วนปัจจัยทางเทคนิคดัชนีมีโอกาสรีบาวนด์ได้เล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้น นักลงทุนควรระมัดระวังในการลงทุนระยะสั้นด้วย

อย่างไรก็ตาม จากทฤษฎีและตัวเลขทางสถิติระบุว่า หุ้นขนาดกลางและเล็กจะมีอัตราการเติบโตของบริษัท และมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวที่มากกว่าหุ้นที่มีขนาดใหญ่ แต่ขณะเดียวกัน ก็จะมีความเสี่ยงที่มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่เช่นกัน อยากให้นักลงทุนเข้าใจความต้องการ รู้จักตัวเองในการลงทุน และคำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น