สัปดาห์โลกาวินาศ
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทรุดตัวอย่างหนัก รวม 5 วันทำการดัชนีทรุดตัวลงประมาณ 120 จุด และถือเป็นการปรับฐานใหญ่ที่สุดในรอบหลายเดือน ซึ่งแม้จะมีข่าวลือต่างๆ มากมาย แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทำให้นักลงทุนเกิดตื่นตระหนกขายหุ้นทิ้ง แต่สาเหตุสำคัญที่ถูกประเมินคือ ราคาหุ้นที่ขึ้นอย่างร้อนแรงต่อเนื่องทำให้ตลาดตกอยู่ในสภาพฟองสบู่ และเกิดภาวะเก็งกำไรกันสุดตัวเมื่อมีปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจจึงแห่กันถล่มขายหุ้นทิ้ง
ดัชนีเมื่อวันศุกร์ทรุดตัวหนัก ตอกย้ำถึงการปรับฐาน โดยลงไป 50.55 จุด ปิดที่ 1478.97 จุด มูลค่าซื้อขาย 101,361 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ต่างชาติซื้อสุทธิ 73 ล้านบาท
ไม่ได้มีนักลงทุนกลุ่มไหนขายหุ้นออกมาสูงผิดปกติ แต่การที่หุ้นลงน่าจะเกิดจากนักลงทุนทั่วไปซึ่งอาจจะเป็นรายใหญ่ๆ ที่เห็นว่าได้เวลาทำกำไรแล้ว เพราะหุ้นขนาดเล็ก และขนาดกลางนับร้อยตัวขึ้นมาเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในเวลาไม่กี่เดือน ล่อใจทั้งเจ้ามือ และแมลงเม่าให้ขายทำกำไร เมื่อเกิดแรงขายนำนักลงทุนที่รู้อยู่แล้วว่ากำลังเก็งกำไรสุดตัวโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานจึงแห่ขายตามราคาหุ้นจึงรูดติดดิน
การปรับฐานใหญ่รอบนี้นักลงทุนรายย่อยตายกันเป็นเบือ และขาดทุนกันแทบถ้วนหน้า ทั้งที่นับจากต้นปีดัชนีขึ้นมากว่า 200 จุด และปรับฐานลงไปเพียงประมาณ 120 จุด ซึ่งรายย่อยควรจะเหลือกำไรแต่แทบไม่มีใครกำไร เพราะเวลาขาขึ้นนักลงทุนซื้อมาขายไปตลอดทาง กำไรแต่ละรอบเพียงเล็กน้อย แต่ขาลงเสียเต็มๆ
นักลงทุนรายย่อยคงได้บทเรียนสำคัญกันอีกครั้ง และทำให้ต้องระวังในการเก็งกำไรมากขึ้น โดยเฉพาะการเล่นหุ้นตามแห่ ตามข่าวลือ เพราะสุดท้ายถ้าขายไม่ทันมีสิทธิหมดตัวได้
และถ้าย้อนเวลากลับไปจะเห็นว่า หุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กที่ขึ้นมาล้วนไม่ปกติทั้งสิ้น ไม่ว่าการสร้างข่าวดีของบริษัทจดทะเบียน การปล่อยข่าวกระตุ้นราคา หรือแม้แต่การสร้างแรงซื้อแรงขายเทียมเพื่อล่อให้แมลงเม่าบินเข้ากองไฟซึ่งได้ผล เพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเก็งกำไรกันอย่างลืมตายจนกลายเป็นเหยื่อของเจ้ามือ และรายใหญ่
เพราะเจ้ามือ และรายใหญ่ขายทำกำไรไปแล้ว และไม่ว่าขายราคาไหนกำไรทั้งสิ้น นอกจากนั้น ยังสร้างความผูกมัดแก่รายย่อยอีกด้วย เพราะหลายบริษัทสร้างราคาหุ้น สร้างข่าวดีเพื่อสร้างความเพ้อฝันทางธุรกิจในอนาคต และฉวยโอกาสเพิ่มทุนสูบเงินจากตลาด ซึ่งนักลงทุนรายย่อยที่ติดหุ้นพวกนี้ก็คงต้องใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามไป เพราะหวังจะได้ถอนทุนคืนทั้งที่อาจต้องเสียหายหนักมากขึ้น เนื่องจากเงินเพิ่มทุนที่ใส่เข้าไป ไม่สามารถสร้างผลตอบแทที่คุ้มได้ โดยการเพิมทุนเพือนำเงินไปขยายการลงทุนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสร้างราคาหุ้นเท่านั้น
ใครจะใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนหุ้นตัวไหนต้องคำนึงให้ดี และถ้าไม่แน่ใจยอมทำใจขายหุ้นตัวแม่ทิ้งเพื่อตัดภาระผูกพันการเพิ่มทุนดีกว่า
สำหรับแนวโน้มตลาดสัปดาห์หน้ายังไม่สามาถประเมินได้แน่ชัด เพราะฝุ่นยังตลบ ขวัญของนักลงทุนกระเจิดกระเจิง และถึงจะไม่มีข่าวร้ายแต่ดัชนีอาจทรุดลงได้ต่อ และถ้าจะลงคงไม่ลงรูดมหาราชเหมือนสัปดาห์ก่อนซึ่งกลายเป็นสัปดาห์โลกาวินาศ เพราะถ้าลงจากนี้อีกหน่อยเริ่มน่าสนใจซื้อแล้ว
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทรุดตัวอย่างหนัก รวม 5 วันทำการดัชนีทรุดตัวลงประมาณ 120 จุด และถือเป็นการปรับฐานใหญ่ที่สุดในรอบหลายเดือน ซึ่งแม้จะมีข่าวลือต่างๆ มากมาย แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทำให้นักลงทุนเกิดตื่นตระหนกขายหุ้นทิ้ง แต่สาเหตุสำคัญที่ถูกประเมินคือ ราคาหุ้นที่ขึ้นอย่างร้อนแรงต่อเนื่องทำให้ตลาดตกอยู่ในสภาพฟองสบู่ และเกิดภาวะเก็งกำไรกันสุดตัวเมื่อมีปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจจึงแห่กันถล่มขายหุ้นทิ้ง
ดัชนีเมื่อวันศุกร์ทรุดตัวหนัก ตอกย้ำถึงการปรับฐาน โดยลงไป 50.55 จุด ปิดที่ 1478.97 จุด มูลค่าซื้อขาย 101,361 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ต่างชาติซื้อสุทธิ 73 ล้านบาท
ไม่ได้มีนักลงทุนกลุ่มไหนขายหุ้นออกมาสูงผิดปกติ แต่การที่หุ้นลงน่าจะเกิดจากนักลงทุนทั่วไปซึ่งอาจจะเป็นรายใหญ่ๆ ที่เห็นว่าได้เวลาทำกำไรแล้ว เพราะหุ้นขนาดเล็ก และขนาดกลางนับร้อยตัวขึ้นมาเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในเวลาไม่กี่เดือน ล่อใจทั้งเจ้ามือ และแมลงเม่าให้ขายทำกำไร เมื่อเกิดแรงขายนำนักลงทุนที่รู้อยู่แล้วว่ากำลังเก็งกำไรสุดตัวโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานจึงแห่ขายตามราคาหุ้นจึงรูดติดดิน
การปรับฐานใหญ่รอบนี้นักลงทุนรายย่อยตายกันเป็นเบือ และขาดทุนกันแทบถ้วนหน้า ทั้งที่นับจากต้นปีดัชนีขึ้นมากว่า 200 จุด และปรับฐานลงไปเพียงประมาณ 120 จุด ซึ่งรายย่อยควรจะเหลือกำไรแต่แทบไม่มีใครกำไร เพราะเวลาขาขึ้นนักลงทุนซื้อมาขายไปตลอดทาง กำไรแต่ละรอบเพียงเล็กน้อย แต่ขาลงเสียเต็มๆ
นักลงทุนรายย่อยคงได้บทเรียนสำคัญกันอีกครั้ง และทำให้ต้องระวังในการเก็งกำไรมากขึ้น โดยเฉพาะการเล่นหุ้นตามแห่ ตามข่าวลือ เพราะสุดท้ายถ้าขายไม่ทันมีสิทธิหมดตัวได้
และถ้าย้อนเวลากลับไปจะเห็นว่า หุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กที่ขึ้นมาล้วนไม่ปกติทั้งสิ้น ไม่ว่าการสร้างข่าวดีของบริษัทจดทะเบียน การปล่อยข่าวกระตุ้นราคา หรือแม้แต่การสร้างแรงซื้อแรงขายเทียมเพื่อล่อให้แมลงเม่าบินเข้ากองไฟซึ่งได้ผล เพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเก็งกำไรกันอย่างลืมตายจนกลายเป็นเหยื่อของเจ้ามือ และรายใหญ่
เพราะเจ้ามือ และรายใหญ่ขายทำกำไรไปแล้ว และไม่ว่าขายราคาไหนกำไรทั้งสิ้น นอกจากนั้น ยังสร้างความผูกมัดแก่รายย่อยอีกด้วย เพราะหลายบริษัทสร้างราคาหุ้น สร้างข่าวดีเพื่อสร้างความเพ้อฝันทางธุรกิจในอนาคต และฉวยโอกาสเพิ่มทุนสูบเงินจากตลาด ซึ่งนักลงทุนรายย่อยที่ติดหุ้นพวกนี้ก็คงต้องใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามไป เพราะหวังจะได้ถอนทุนคืนทั้งที่อาจต้องเสียหายหนักมากขึ้น เนื่องจากเงินเพิ่มทุนที่ใส่เข้าไป ไม่สามารถสร้างผลตอบแทที่คุ้มได้ โดยการเพิมทุนเพือนำเงินไปขยายการลงทุนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสร้างราคาหุ้นเท่านั้น
ใครจะใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนหุ้นตัวไหนต้องคำนึงให้ดี และถ้าไม่แน่ใจยอมทำใจขายหุ้นตัวแม่ทิ้งเพื่อตัดภาระผูกพันการเพิ่มทุนดีกว่า
สำหรับแนวโน้มตลาดสัปดาห์หน้ายังไม่สามาถประเมินได้แน่ชัด เพราะฝุ่นยังตลบ ขวัญของนักลงทุนกระเจิดกระเจิง และถึงจะไม่มีข่าวร้ายแต่ดัชนีอาจทรุดลงได้ต่อ และถ้าจะลงคงไม่ลงรูดมหาราชเหมือนสัปดาห์ก่อนซึ่งกลายเป็นสัปดาห์โลกาวินาศ เพราะถ้าลงจากนี้อีกหน่อยเริ่มน่าสนใจซื้อแล้ว