(SPCG) เข้าซื้อกิจการบริษัท ไทย โซลาร์ ฟิวเจอร์ จำกัด (TSF) 14,000 หุ้นๆ ละ 100 บาท คิดเป็น 70% บุกตลาดเพื่อเป็นผู้นำธุรกิจ Solar Roof ของไทย เตรียมความพร้อมด้านพลังงานรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC 2015)ใน 2 ปีข้างหน้า
น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า จากความสำเร็จในการริเริ่มบุกเบิกธุรกิจโซลาร์ ฟาร์มโรงงานผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ (SOLAR FARM) จึงวางแผนขยายสู่เป้าหมายเป็นผู้นำการติดตั้งแผงโซลาร์ เซลล์ สำหรับผลิตไฟฟ้าบนหลังคา หรือโซลาร์ รูฟ (SOLA ROOF) โดยบริษัทได้เข้าไปซื้อกิจการของบริษัท ไทยโซลาร์ ฟิวเจอร์ จำกัด (TSF) ซึ่งเป็นเจ้าตลาดใหญ่ในธุรกิจออกแบบ และติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศไทย
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นส่วนสำคัญยิ่งที่จะเข้าสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตไฟฟ้าด้วยแผงโซลาร์ เซลล์ ด้วยแผงโซล่ารูฟ ในประเทศไทย ซึ่งอนาคตจะไทยจะเป็นประเทศหลักในการนำไฟฟ้าพลังงงานอาทิตย์มาใช้อย่างครบวงจร ประกอบกับวิกฤตพลังงานไฟฟ้าที่ประเทศไทยกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดรับประชาคมอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้า
จุดเด่นของแผงโซลาร์ รูฟ คือ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว มีความทนทานสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องกังวลกับปัญหาพลังงานที่นำเข้าจากต่างประเทศที่มีค่าใช้จ่าย ดังเช่นวิกฤตพลังงานในเดือนเมษายนนี้ ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในประเทศญี่ปุ่นมีแผงผลิตพลังงานไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ (SOLA ROOF) 2 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 90% ของจำนวนครัวเรือนทั้งประเทศ ประเทศเยอรมนี กว่า 1 ล้านครัวเรือน ในประเทศไทยที่ลงทะเบียนไว้กับกระทรวงมหาดไทยอีกราว 15 ล้านครัวเรือน
นอกจากไฟฟ้าจากเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตได้ใช้ในครัวเรือน หรืออุตสาหกรรมแล้ว จะสามารถขายไฟฟ้าที่ผลิตได้นี้คืนให้แก่การไฟฟ้าถือเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งขนาดของ SOLA ROOF นั้น ขนาดเล็กที่สุดจะมีขนาด 25 ตารางเมตร ให้กำลังไฟได้ 4 กิโลวัตต์ เพียงพอต่อความต้องการของครัวเรือน และ SOLA ROOF จะมีอายุการใช้งานนานถึง 50 ปี โดยที่ทาง เอสพีซีจี จะรับประกันการใช้งานให้ถึง 25 ปี โดยปีแรกนี้ตั้งเป้าไว้ที่ครัวเรือนต้นแบบ 1,000 ครัวเรือน และสามารถขยายติดตั้งตามพื้นที่ๆ ต้องการได้อย่างรวดเร็วถ้าเป็น โซลาร์ ฟาร์ม จะใช้เวลาติดตั้ง และดำเนินการไม่เกิน 6 เดือน ส่วน โซลาร์ รูฟ นั้น จะติดตั้งบนดาดฟ้า และหลังคา และใช้งานได้ทันทีไม่เกิน 5 วัน
ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) จากบริษัท ไทยโซลาร์ ฟิวร์เจอร์ จำกัด ของ ศ.ดร.ดุสิต เครืองาม นั้น เป็นผลมาจากการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2555 ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 อนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ไทยโซลาร์ ฟิวร์เจอร์ จำกัด (TSF) จำนวน 14,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท คิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด