xs
xsm
sm
md
lg

ตลท.ตั้งเป้าเพิ่มบัญชีเทรดปี 58 แตะ 1.1 ล้านบัญชี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


    “ตลาดหลักทรัพย์ฯ” ตั้งเป้าจำนวนบัญชีเทรดหุ้นในปี 58 แตะ 1.1 ล้านบัญชี ส่วนอนุพันธ์ แตะ 1.6 แสนบัญชี พร้อมรุกทำความชี้แจงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทย ส่วน DW คาดปีนี้มีการออกสินค้ามากกว่า 1,000 หลักทรัพย์ ชี้ภาพรวม TFEX ตั้งแต่ต้นปี  Stock Futures ฮอตสุด 33,175 สัญญาต่อวัน เพิ่มขึ้นถึง 275%

    นางเกศรา มัญชุศรี รองผู้จัดการหัวหน้าสายงาน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า  ในปีนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเป้าหมายขยายฐานผู้ลงทุน โดยเพิ่มจำนวนบัญชีซื้อขายหุ้นอีก 9.6 หมื่นบัญชี จากสิ้นปี 2555 อยู่ที่ 7.97 แสนบัญชี และปี 2558 อยู่ที่ 1.11 ล้านบัญชี   ขณะที่จำนวนบัญชีผู้ซื้อขายอนุพันธ์ (TFEX) จากสิ้นปี 55 อยู่ที่ 8 หมื่นบัญชี ในปี 2556 จะเพิ่มอีก 2.2 หมื่นบัญชี และสิ้นปี 58  อยู่ที่ 1.67 แสนบัญชี  รวมถึงแผนการเพิ่มผู้ลงทุนหน้าใหม่ ผ่านความร่วมมือระหว่าง ตลท. และสถาบันการเงิน เช่น โครงการ Banker to Broker และ Insurance to Broker

    ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเป้าหมายจะเพิ่มการซื้อขายหุ้นแบบออนไลน์ (Online Trading) มากขึ้น  โดยเฉพาะจำนวนผู้ลงทุนรายย่อย ซึ่งมีสัดส่วน 62% ของทั้งตลาด พร้อมกับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งปัจจุบัน มีจำนวนลูกจ้างในกองทุนฯ ราว 2.5 ล้านคน จากนายจ้าง 12,000 แห่ง คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์ 6.7 หมื่นล้านบาท แต่มีการการลงทุนในหุ้น 12-13% โดยตั้งเป้าเพิ่มเป็น 15% ภายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 20% ในปี 58 โดย ตลท. จะได้มีการให้ความรู้ และส่งเสริมการทำความเข้าใจกับคณะกรรมการลงทุนของกองทุนในหน่วยงานต่างๆ

    ส่วนมูลค่าการซื้อขายหุ้นในช่วง ม.ค.56-ปัจจุบัน มีมูลค่าการซื้อขายเกินกว่าเป้าหมายมาอยู่ที่  5.8 หมื่นล้านบาท/วัน จากเดิมที่วางเป้าหมายไว้  3.2 หมื่นล้านบาท/วัน โดยถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ซึ่งจะต้องมีการติดตาม และประเมินสถานการณ์การซื้อขายต่อไป   เช่นเดียวกับปริมาณการซื้อขายใน TFEX ปี 56 อยู่ที่ 5 หมื่นสัญญา/วัน  แม้ช่วง ม.ค.56-ปัจจุบัน มีปริมาณการซื้อขายที่ 5.7 หมื่นสัญญา/วัน  

    สำหรับการเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ในปี56 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000 หลักทรัพย์ จากปี 55 มีจำนวน 610 หลักทรัพย์ โดยจะมีการปรับเกณฑ์การไฟลิ่งให้เร็วขึ้น จากเดิมใช้เวลาดำเนินการ 10 วัน เหลือ 2 วัน คาดว่าจะเริ่มได้ในไตรมาส 3/56

    ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา Stock Futures ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยในช่วง 1 ม.ค.-20 ก.พ. ที่ 33,175 สัญญาต่อวัน เพิ่มขึ้นถึง 275% จากปี 2555 ที่ 8,849 สัญญาต่อวัน ในขณะที่สถานะคงค้างสูงถึง 385,424 สัญญา สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ผลตอบแทนสูง และมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ลงทุนหันมาใช้ Stock Futures ในการบริหารพอร์ตลงทุน และบริหารความเสี่ยงของพอร์ตหุ้นเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสามารถใช้ทำกำไรได้โดยใช้ต้นทุนต่ำ วางเงินประกันในการซื้อขายเพียง 4-13% ของมูลค่าสัญญา ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าการซื้อหุ้นโดยตรง

สำหรับ TFEX อนุญาตให้ผู้ลงทุนซื้อขาย Stock Futures ทั้งแบบผ่านระบบซื้อขายจับคู่อัตโนมัติ (Auto-matching) และแบบ Block Trade ซึ่งช่วยให้สามารถถือสัญญาในจำนวนที่ต้องการได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ TFEX ยังได้ปรับวิธีกำหนดจำนวนถือครองสูงสุดของ Stock Futures จากเดิมที่กำหนดเท่ากันที่ 20,000 สัญญา สำหรับทุกหุ้นอ้างอิง เป็นกำหนดตามขนาดของหุ้นอ้างอิง ทำให้สามารถถือครองจำนวน Stock Futures ได้ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับขนาดของหุ้นอ้างอิงมากยิ่งขึ้น

    ปัจจุบัน Stock Futures ที่ซื้อขายใน TFEX มีทั้งสิ้น 30 หุ้นอ้างอิง ได้แก่ บมจ.แอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส (ADVANC), บ้านปู (BANPU), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY), ธนาคารกรุงเทพ (BBL), บีทีเอสกรุ๊ปโฮลดิ้งส์ (BTS), ซีพีออลล์ (CPALL), เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF), โทเทิ่ลแอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น (DTAC), โฮมโปรดักส์เซ็นเตอร์ (HMPRO), ไออาร์พีซี (IRPC), อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ (ITD), อินโดรามาเวนเจอร์ส (IVL), ธนาคารกสิกรไทย (KBANK), ธนาคารกรุงไทย (KTB), แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH), ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT), พฤกษาเรียลเอสเตท (PS), ปตท. (PTT), ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP), ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH), ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB), ปูนซิเมนต์ไทยจำกัด (มหาชน) (SCC), ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA), ทุนธนชาต (TCAP), การบินไทย (THAI), ธนาคารทหารไทย (TMB), ไทยออยล์ (TOP), ทรูคอร์ปอเรชั่น (TRUE), โทรีเซนไทยเอเยนต์ซีส์ (TTA) และ ไทยยูเนี่ยนโฟรเซ่นโปรดักส์ (TUF) โดย Stock Futures ที่ได้รับความนิยมซื้อขายจากผู้ลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ BTS (21.49%), ITD (14.22%), TMB (12.87%), KTB (12.11%) และ QH (11.71%) ตามลำดับ โดยการซื้อขายคิดเป็นสัดส่วน 72.39% ของการซื้อขาย Stock Futures ทั้งหมด

    นอกจากนี้ TFEX จะมีแผนขยายหุ้นอ้างอิงให้ครอบคลุมหุ้นในกลุ่ม SET100 ที่มีมูลค่าการตลาดสูงกว่า 10,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดซื้อขายในเดือนมีนาคมนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น