xs
xsm
sm
md
lg

ดิ เอ็มเพอเร่อร์ฯ ส้มหล่นละครดัง เศรษฐีลาวฮิต! ทาบสร้างบ้านหรู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ
“ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์” ส้มหล้นสร้างบ้านหรูประกอบฉากละครดังหลายเรื่อง เศรษฐีลาวดูแล้วอยากมีบ้านหรูตามพระเอก-นางเอก ทาบสร้างบ้านให้ ล่าสุด จับมือ “อินทรีย์ กรุ๊ป” บริษัทยักษ์ใหญ่ในลาว เปิดรับสร้างบ้านหรู หลังชิมลางออกแบบบ้านมูลค่าก่อสร้างกว่า 100 ล้านบาท 2 หลัง แถมอยู่ระหว่างเจรจาอีก 2-3 หลัง เชื่อปีแรกกวาดยอดขาย 100 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้ายอดขายในไทย 340 ล้านบาท

นายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC บริษัทจึงต้องการหาตลาดใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ล่าสุด บริษัทได้เข้าไปร่วมลงทุนในประเทศลาว โดยจับมือกับบริษัท อินทรีย์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทรายใหญ่ที่รับสัมปทานก่อสร้างโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ร่วมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายหวยออนไลน์ 1 ใน 2 ของประเทศลาว การเข้าไปร่วมลงทุนในครั้งนี้ เพื่อดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านในประเทศลาวในสัดส่วน 50:50 โดยในช่วงแรกที่ทำการตลาดจะใช้ในนาม “บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ บาย อินทรี จำกัด (The Emperor House by Insee Group) แต่ภายหลังจดทะเบียนบริษัทแล้วจะใช้ชื่อ บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ (สปป.ลาว) จำกัด

“ก่อนหน้านี้ บริษัทได้รับงานออกแบบบ้าน และตกแต่งภายในจากลูกค้าที่ประเทศลาว 2 หลัง ค่าแบบทั้งแบบก่อสร้าง และแบบตกแต่งภายในหลังละกว่า 10 ล้านบาท ขณะที่งานก่อสร้างหลังละกว่า 70-80 ล้านบาท ส่วนงานตกแต่งภายในน่าจะเกิน 100 ล้านบาท ซึ่งดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ เป็นที่รู้จักในลาวจากบ้านที่เราก่อสร้างได้นำไปเป็นฉากประกอบละครหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง ดอกส้มสีทอง ที่นำไปฉายในประเทศลาว ลูกค้าเกิดชอบ และให้เราออกแบบบ้านให้ ทำให้บริษัทเล็งเห็นศักยภาพของกำลังซื้อในประเทศลาวที่ยังมีความต้องการบ้านหรูจำนวนมาก ในขณะที่คู่แข่งมีน้อยมาก โดยส่วนใหญ่เป็นผู้รับเหมาท้องถิ่น ปัจจุบัน มีลูกค้าเข้าเจรจาสร้างบ้าน 2-3 ราย และคาดว่าในปีแรกนี้จะสามารถสร้างยอดขายไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท” นายสุรัตน์ชัยกล่าว

ทั้งนี้ การไปทำธุรกิจในต่างประเทศ แม้ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน สิ่งสำคัญคือ การได้คู่ค้าที่ดี เพราะเมื่อเราไปต่างถิ่นมักเกิด Barriers to Entry เนื่องจากเราไม่รู้ธรรมชาติของประเทศนั้นๆ หรือแม้กระทั่งช่องทางดำเนินงานเล็กๆ น้อยๆ ดังนั้น การได้คู่ค้าเจ้าถิ่นที่ดี จึงเป็นสิ่งสำคัญในอันดับต้นๆ และทางอินทรี กรุ๊ป นั้น ด้วยพื้นฐานเดิมที่ประกอบธุรกิจหลายอย่าง เช่น รับเหมาก่อสร้าง, ธุรกิจเหมืองแร่, ธุรกิจการท่องเที่ยว, ธุรกิจประกันภัย เป็นต้น อีกทั้งธุรกิจหลักของอินทรี คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซึ่งเรามั่นใจได้ว่าเรื่องแรงงาน หรือเรื่องวัสดุก่อสร้าง รวมถึงด้านกฎหมายการก่อสร้างนั้น เราจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ส่วนดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จะเป็นเป็นคนให้ Knowhow ความรู้ด้านการออกแบบ, การบริการลูกค้า, เทคนิคด้านการก่อสร้าง

นายสุรัตน์ชัย กล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานของดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ในปีที่ผ่านมา สามารถทำรายได้ 303 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 10% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะขาดแคลนแรงงานในปี 2555 โดยปัจจุบัน ยังคงมีบ้านที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้าง รวมมูลค่า 600 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพัฒนาแบบอีก 4 หลัง สำหรับในปี 2556 เป็นปีที่ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ดำเนินธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 25 แล้ว บริษัทได้วางกลยุทธ์ในการเติบโตขององค์กร โดยตั้งเป้ารายได้ในประเทศไว้ที่ 340 ล้านบาท และตั้งเป้าที่ สปป.ลาวไว้ที่ 100 ล้านบาท รวมเป็น 440 ล้านบาท

ด้านนายมโนธรรม เพชรศิริแสง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินทรีย์ กรุ๊ป กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในลาวยังไม่เติบโตมากเท่าที่ควร แต่ก็เริ่มเห็นการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาบ้างแล้ว โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจาก ประเทศจีน เวียดนาม และเกาหลี เป็นต้น โดยส่วนใหญ่จะลงทุนในอาคารพาณิชย์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ในขณะที่โครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มักนิยมปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง ราคาเฉลี่ยประมาณ 5-8 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภายหลังจากที่โครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบเมืองเวียงจันทน์ 7 เส้นทางแล้วเสร็จภายในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเป็นการเปิดหน้าดิน และช่วยดึงดูดนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศเข้ามาลงทุนด้านอสังหาฯ ในลาวมากขึ้น

สำหรับปัญหาด้านแรงงานของลาวในปัจจุบัน ถือว่าไม่มี เนื่องจากมีแรงงานทั้งที่เป็นคนของประเทศลาวเอง และมีแรงงานจากเวียดนามเข้ามา ยกเว้นในช่วงเก็บเกี่ยวข้าวที่อาจมีปัญหาขาดแคลนบ้าง ขณะที่ค่าจ้างแรงงานจะอยู่ที่ 150-250 บาท โดยแรงงานทั่วไปจะอยู่ที่ 150-200 บาท ส่วนแรงงานมีฝีมือค่าแรงวันละ 200 บาทขึ้นไป ด้านราคาวัสดุส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศซึ่งจะมีภาษีนำเข้าทำให้มีราคาแพงกว่าประมาณ 10-15%
กำลังโหลดความคิดเห็น