โฮม ซิตี้ ดีเวลลอปเมนท์ ผุดโครงการ มิราเคิล หัวหิน มูลค่า 5,600 ล้าน รองรับที่อยู่อาศัยแนวสูงบูม เปิดตัวคอนโดฯ และวิลลาหรูกว่า 1,200 ยูนิต สร้างอาณาจักรไฮเอนด์แห่งใหม่ในหัวหิน คาดเฟสแรกสร้างเสร็จ 2557 ตั้งเป้ายอดจองทะลุ 50% ปีแรก เหตุหัวหินเมืองตากอากาศในฝันของนักท่องเที่ยวอาเซียน
นายนิวัติ ลมุนพันธ์ ประธานที่ปรึกษากรรมการบริหาร บริษัท โฮม ซิตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ มิราเคิล หัวหิน มูลค่า 5,600 ล้านบาท กล่าวว่า โฮมซิตี้ฯ ถือเป็นบริษัทน้องใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย แต่จากประสบการณ์ของผู้บริหารระดับสูงซึ่งเคยเป็นผู้บริหารงานขายของ Beijing ZhiLi Hang Real Estate Co.,Ltd. ที่เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวสูงที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ทำให้ โฮม ซิตี้ ดีเวลลอปเมนท์ มั่นใจที่จะนำเสนอทางเลือกแห่งการอยู่อาศัย และพักผ่อนในบรรยากาศของเมืองพักตากอากาศแบบไฮเอนด์ ด้วยอาณาจักรส่วนตัวคุณภาพระดับโลกที่ชื่อว่า“มิราเคิลหัวหิน”
จากแนวโน้มความต้องการของตลาดที่อยู่อาศัยแนวสูง และบ้านพักตากอากาศในลักษณะบูติก เฮาส์ ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มไฮเอนด์ ทั้งชาวไทย และต่างประเทศที่นิยมเดินทางมาพักผ่อนในชะอำ และหัวหิน ที่มีระยะทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และสถานที่ตั้งของโครงการอยู่ใกล้กับสนามบิน ทำให้การเดินทางสะดวก ติดกับทะเลด้านหลัง ขนาดพื้นที่ของโครงการจำนวนกว่า 41 ไร่ ได้แบ่งสัดส่วนให้เป็นอาคารชุดที่พักอาศัย จำนวน 8 อาคาร สูง 7, 10, 14, 16 ชั้น และเป็นวิลลาหรูอีก 18 หลัง ที่ออกแบบให้ทุกอาคารหันหน้าเข้าหากัน มีพื้นที่ส่วนกลางเป็นทะเลสาบส่วนตัว เพื่อการพักผ่อนเหนือระดับ
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้น นายวิวัฒน์มองว่าเป็นลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์ทั้งชาวไทย และต่างประเทศ ที่ชื่นชอบการพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัวในบรรยากาศรีสอร์ตบูติก ตลอดจนรูปแบบใหม่ของการลงทุนด้วยการซื้อห้องชุด หรือคอนโดมิเนียมหรู ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า กำลังเป็นที่นิยมของนักลงทุนสังหาริมทรัพย์จากทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของธุรกิจ Condotel ระดับสากลที่เข้ามาจัดระบบบริหารสำหรับผู้พักอาศัยที่ใช้ห้องพักไม่นานในตลอดทั้งปี และยินดีเปิดให้เช่าในช่วงเวลาที่ตนไม่ได้พักอาศัย นับเป็นอีกกลุ่มเป้าหมายที่มิราเคิล มองไว้
โดยราคาเริ่มต้นของโครงการห้องชุดมิราเคิลอยู่ 1.79 ล้านบาท ต่อห้องขนาด 29 ตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งมีห้องใหญ่ที่สุดขนาด 4 ห้องนอน พี้นที่ 420 ตร.ม. ที่มีราคาสูงสุดราว 20 กว่าล้านบาท เพื่อตอบสนองสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่รองรับการพักผ่อนแบบครอบครัวได้เป็นอย่างดี ส่วนวิลลานั้นราคาเริ่มต้นที่ 10 ล้านต้นๆ โดยโครงการจะเปิดให้จองตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 และจะแล้วเสร็จภายในปี 2557 ตั้งเป้าว่าจะสามารถเปิดจองได้เกิน 50% ภายในปี 2556
ด้าน นายเถา หยาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารผู้มีประสบการณ์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวสูงในต่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในฮ่องกง ซึ่งถือเป็นเมืองที่มีการแข่งขันของอสังหาริมทรัพย์แนวสูงที่สูงที่สุดเมืองหนึ่งของโลก เชื่อว่ามิราเคิล คือคำตอบของการใช้ชีวิตที่หรูหรา บนพื้นที่ใช้สอยที่ออกแบบมาให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบายในสังคมที่สามารถเลือกหาที่ว่างส่วนตัวได้อย่างพอเหมาะพอดี บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 250 ล้านบาท และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หัวหินแห่งนี้
สำหรับปัจจัยเสริมเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2554 ที่เมืองพักตากอากาศที่เดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ กลายเป็นสถานที่พักพิงสำหรับผู้ประสบภัย ประกอบกับการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย เชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของโลกจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากหลายส่วนปรับตัวได้กับความไม่แน่นอนของของวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป และอเมริกา โดยเงินทุนของโลกไหลเข้าเอเชียมากยิ่งขึ้น จะเป็นผลบวกต่อตลาดอสังหาฯ ในเมืองไทยอย่างแน่นอน โดยคาดว่า มูลค่าอสังหาฯ ที่จะเปิดตัวใหม่ และเปิดขายในปี 2556 นี้จะมีมูลค่าสูงถึง 7 แสนล้าน จากการขยับตัวของผู้เล่นรายใหญ่ของไทย
สอดคล้องกับรายงานผลการสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกล่าสุดของ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชันแนล ระบุว่า นักลงทุนชาวเอเชียยังคงมีทัศนคติที่เป็นบวกเกี่ยวกับความกังวลในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2556 นี้ ผลสำรวจส่วนใหญ่ หรือ 79% ยังคงแสดงความพึงพอใจอย่างสูงที่จะลงทุนในเอเชีย ซึ่งนักลงทุนชาวเอเชียส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจอยู่กับโอกาสในเป้าหมายการลงทุนแบบดั้งเดิม ตามเมืองหลักๆ ของประเทศจีน โดยที่มีประเทศสิงคโปร์เป็นเป้าหมายสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตาม เมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาในปี 2558 นักลงทุนในภูมิภาคคาดการณ์ว่า จะมีนักลงทุนข้ามชาติเพิ่มมากขึ้น เพราะประชาคมอาเซียนจะถูกรวมเข้าเป็นตลาดเดียวกันด้วยจำนวนประชากรทั้งหมดมากกว่า 600 ล้านคน นอกจากนี้ บางประเทศในภูมิภาคนี้ได้เปิดประตูให้แก่นักลงทุนต่างชาติ จึงทำให้มีโอกาสในการลงทุนมากมาย และยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนชาวเอเชียส่วนใหญ่ หรือ 70% มีความเป็นไปได้ที่จะขยายฐานการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง