ธปท. ชี้เงินทุนไหลเข้ายังไม่กดดันภาวะเงินเฟ้อของไทย พร้อมระบุยังไม่มีสัญญาณกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และราคาสินทรัพย์ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก
นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายการเงิน ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ปริมาณเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาหาผลตอบแทนผ่านช่องทางต่างๆ ในช่วงนี้ ยังไม่มีผลกระทบโดยตรงที่จะสร้างให้เงินเฟ้อในประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนเงินเฟ้อในเดือน ม.ค.ปีนี้ที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน มองว่าเป็นการเพิ่มขึ้นเพียงเดือนเดียวยังไม่มีภาวะน่าห่วง เนื่องจากช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่มากระทบ โดยในปีนี้ ธปท.ยังคาดการร์เงินเฟ้อทั่วไปทั้งปีที่ 2.8% และเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 1.7% แต่ยังไม่รวมกรณีจะปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5.50 บาทต่อลิตรที่รัฐบาลมีโยบายลดหย่อยให้ ซึ่งหากปรับขึ้นภาษีในส่วนนี้จะกระทบเงินเฟ้อโดยตรง
“เงินทุนไหล้เข้าที่เข้ามาในช่วงนี้ยังไม่น่าจะสร้างผลกระทบต่อเงินเฟ้อให้เพิ่มขึ้น เพราะก่อนที่จะเกิดเงินเฟ้อขึ้นได้ จะต้องมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นมาก หรือมีการเก็งกำไรในราคาสินทรัพย์จนราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมากก่อน ซึ่งช่วงนี้ยังไม่ส่งผลต่อเงินเฟ้อโดยรวมของประเทศ ส่วนของเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามาในช่วงนี้จะส่งกระทบต่อธุรกิจในส่วนใดหรือไม่ ธปท.กำลังติดตามอยู่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีความพร้อมที่จะดูแลให้เหมาะสม” นายทรงธรรมกล่าว
นายทรงธรรม กล่าวว่า ส่วนปัจจัยที่เงินทุนต่างชาติเลือกจะไหล้ข้ามาลงทุน หรือเก็งกำไรในประเทศเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และการขยายตัวของเศรษฐกิจ เช่น ในกรณีไต้หวันธนาคารกลางได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงมาอยู่ในระดับต่ำมากในช่วงที่ผ่านมา แต่เงินทุนก็ยังเลือกไหลเข้าไต้หวันอย่างต่อเนื่อง จึงมองว่าดอกเบี้ยอาจไม่ใช่ปัจจัยเดียวในการเข้าออกของเงินทุน และที่สำคัญ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศใดก็ควรต้องสนับสนุน และเหมาะสมกับเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ ไม่ควรนำไปเทียบกับดอกเบี้ยของประเทศอื่น เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ที่เศรษฐกิจมีปัญหา และมีแนวโน้มการเติบโตต่างจากไทย
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อในเดือน ม.ค.ปีนี้ พบว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 1.59% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.78% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ม.ค.อยู่ที่ 3.39% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.63%
