คลังแถลงยอดหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน มีจำนวน 4.87 ล้านล้านบาท คิดเป็น 43.47% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 4.8 หมื่นล้าน เป็นหนี้ของรัฐบาลเพิ่ม 5.7 หมื่นล้าน เป็นส่วนของการกู้ชดเชยขาดดุล 3 หมื่นล้าน
น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเปิดเผยถึงสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2555 ว่า มีจำนวน 4,875,532.17 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 43.47 ของ GDP โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 3,459,510.78 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,043,961.08 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 364,796.36 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 7,263.95 ล้านบาท
โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 48,206.36 ล้านบาท โดยหนี้ของรัฐบาล และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐเพิ่มขึ้น 57,047.56 ล้านบาท และ 31.74 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ลดลง 8,407.98 ล้านบาท และ 464.96 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ นั้นไม่มีหนี้คงค้าง
ทั้งนี้ หนี้สาธารณะ จำนวน 4,875,532.17 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 328,804.91 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.74 และหนี้ในประเทศ 4,546,727.26 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.26 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 4,696,337.74 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.32 และหนี้ระยะสั้น 179,194.43 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.68 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
อย่างไรก็ตาม หนี้ต่างประเทศลดลงจากเดือนก่อนหน้า 4,725.03 ล้านบาท เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลงสุทธิ 1,160.72 ล้านบาท ประกอบกับการเบิกจ่าย และชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลงสุทธิ 3,564.33 ล้านบาท
ส่วนหนี้ในประเทศเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 31,824.10 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 30,497.96 ล้านบาท
น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเปิดเผยถึงสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2555 ว่า มีจำนวน 4,875,532.17 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 43.47 ของ GDP โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 3,459,510.78 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,043,961.08 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 364,796.36 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 7,263.95 ล้านบาท
โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 48,206.36 ล้านบาท โดยหนี้ของรัฐบาล และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐเพิ่มขึ้น 57,047.56 ล้านบาท และ 31.74 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ลดลง 8,407.98 ล้านบาท และ 464.96 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ นั้นไม่มีหนี้คงค้าง
ทั้งนี้ หนี้สาธารณะ จำนวน 4,875,532.17 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 328,804.91 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.74 และหนี้ในประเทศ 4,546,727.26 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.26 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 4,696,337.74 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.32 และหนี้ระยะสั้น 179,194.43 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.68 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
อย่างไรก็ตาม หนี้ต่างประเทศลดลงจากเดือนก่อนหน้า 4,725.03 ล้านบาท เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลงสุทธิ 1,160.72 ล้านบาท ประกอบกับการเบิกจ่าย และชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลงสุทธิ 3,564.33 ล้านบาท
ส่วนหนี้ในประเทศเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 31,824.10 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 30,497.96 ล้านบาท
