บทความรอบนี้เขียนมาเพื่อเตือนสติและเตือนใจของนักลงทุนหลายๆคน ที่ยังวนเวียนอยู่ในวังวนกับคำว่า “ขาดทุน” โดยเฉพาะกับคนที่ลงทุนในทองคำมาแล้วมากกว่า 2-5 ปีขึ้นไป เพราะตลาดทองคำเป็นขาขึ้นมาตลอด หากจะมีปีที่ราคาแกว่งออกข้างก็จะมีแค่เพียงปี พศ 2555 หรือปี คศ 2012 เท่านั้นที่ราคาไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่สูงกว่าปีก่อนหน้าหากนับย้อนหลังไป 10 กว่าปีที่ผ่านมา สิ่งที่นักเก็งกำไรที่ขาดทุนมากกว่ากำไรมีพฤติกรรมหรือนิสัยคล้ายๆกันมีดังต่อไปนี้
มีอคติ นักเก็งกำไรที่มีอคติต่อราคาทองคำมากเกินไป มักจะทำตามสิ่งที่ตัวเองคิดด้วยความดื้อรื้น ปราศจากเหตุผล ซึ่งคนเหล่านี้มักเชื่อว่าตัวเองมีประสบการณ์มากกว่าคนส่วนใหญ่ในตลาด จึงมักมักมั่นในตัวเองจนหลายๆครั้งมองข้ามข้าวสารหรือสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาด เช่น เจ้าของร้านทองคำบางรายที่ทำธุรกิจทองคำมาหลาย 10 ปี ซึ่งอาจจะมีประสบการณ์ว่าราคาทองคำมักจะนิ่งหรือปรับขึ้นลงไม่มาก ซึ่งกลุ่มคนบางกลุ่มในประเภทนี้เมื่อปี 2551-2552 เมื่อราคาทองคำพุ่งขึ้นบาทเกินบาทละ 12,000-15,000 บาทต่อบาททองคำ ก็มั่นใจเกินเหตุว่าราคาทองคำมากเกินไปจึงทำการขายทองคำในธุรกิจร้านทองคำของตัวเองส่วนใหญ่และเมื่อราคาทองคำขึ้นมาเกินระดับ 20,000 บาทต่อบาททองคำทำให้เจ้าของธุรกิจเหล่านั้นไม่กล้าที่จะซื้อทองคำคืนกลับมาเก็บในร้านเพราะยังเชื่อว่าราคาทองคำจะกลับมาต่ำกว่าบาทละ 15,000 บาทอยู่ ซึ่งปัจจุบันร้านทองคำเหล่านั้นปิดกิจการลงไปและต้องนำเงินจากการขายทองคำไปลงทุนในธุรกิจอื่นแทนเพราะราคาทองคำไม่ได้ลงมาตามคาด
การทำผิดพลาดแล้วทำผิดพลาดเดิมซ้ำๆ ในกรณีนี้ มักเกิดขึ้นกับนักเก็งกำไรประเภทไม่ขยันที่จะบันทึกถึงข้อผิดพลาดในการลงทุนที่ผ่านมา ไม่ทำบัญชีและบันทึกถึงเหตุผลในการขาดทุนแต่ละครั้งของตัวเองในการเก็งกำไรที่ผ่านๆมาในอดีต เพราะคิดว่า ไม่เป็นไร วันนี้แค่โชคร้าย การขาดทุนครั้งนี้เป็นแค่โชคไม่เข้าข้าง แล้วก็พยายามปลอมใจตัวเองโดยการเริ่มเก็งกำไรครั้งใหม่โดยพยายามลืมเรื่องเลยร้ายในอดีต ซึ่งนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะจดจำและเข็ดกับสิ่งที่ตนเคยผิดพลาด และจะไม่กลับไปทำความผิดเดิมซ้ำๆ
โทษปัจจัยอื่นรอบตัวแต่ไม่เคยหันมองตัวเอง ซึ่งการตัดสินใจว่าจะซื้อจะขายในแต่ละครั้งเราต้องพิจารณาปัจจัยหรือเหตุผลที่เราจะซื้อหรือจะขายอยากรอบคอบโดยมีแผนล่วงหน้าหากว่าสิ่งที่เราซื้อหรือขายนั้นไม่ได้เป็นไปตามการคาดการณ์ที่เรามองไว้แล้วเราจะแก้ไขอย่างไร แต่คนที่ล้มเหลวมักจะเลือกที่จะโทษข่าว โทษคนรอบข้าว โทษหนังสือพิมพ์ โทษเจ้าหน้าที่การตลาด โทษนักวิเคราะห์ โทษเพื่อน หรือแม้แต่โทษดวงตัวเองเวลาเกิดการขาดทุน ซึ่งก่อนการตัดสินใจจะซื้อหรือจะขายในแต่ละครั้ง นักเก็งกำไรควรจะตัดสินใจจากข้อมูลและเหตุผลที่ตัวเองเลือกมากกว่า
ความโลภ ความกลัว และความอิจฉา ความโลภเมื่อได้ยินคนอื่นเค้าพูดถึงโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมักจะทำให้นักลงทุนบางประเภทตัดสินใจกระทำสิ่งต่างๆโดยมองข้ามเหตุผล เช่น ซื้อตามข่าวหรือกระแสสังคมโดยปราศจากความพิจารณาถึงเหตุผล เช่นเดียวกับความอิจฉาที่คนอืนมีเลยพยายามที่จะทำแบบคนอื่นหรือเหนือคนอื่นๆ สำหรับความกลัวก็เช่นเดียวกัน มักเกิดขึ้นกับนักลงทุนส่วนใหญ่เมื่อกระแสสังคมหรือตลาดอยู่ในภาวะที่มีแต่ข่าวร้ายและเกิดการขาดทุนต่อเนื่องจนทำให้นักเก็งกำไรหวาดผวาจนมองข้ามความเป็นจริง
ข้อผิดพลาดเหล่านี้เกิดขึ้นกับมนุษย์โดยทั่วไปซึ่งเกิดขึ้นในอดีตและจะวนเวียนเกิดขึ้นกับมนุษย์ในอนาคตไปเรื่อยๆเพราะมนุษย์คือมนุษย์ มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกในเรื่องของ ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความกลัว ทำให้ความผิดเดิมที่ทำให้คนส่วนใหญ่ที่เป็นมนุษย์ล้มเหลวซ้ำๆซากๆเกิดขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งหากนักเก็งกำไรที่สามารถข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้ ก็จะพบกับสัจจะของการลงทุนอีกข้างหนึ่งที่คนประสบความสำเร็จเค้าเจอกัน
สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช
ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก