นักลงทุนที่ชอบซื้อมาขายไปเพื่อหาส่วนต่างมาเป็นกำไรนั้นเรามักเรียกกันว่า นักเก็งกำไร ซึ่งจะมีทั้งพวกที่เก็งกำไรระยะสั้น เก็งกำไรระยะยาว แต่นักเก็งกำไรในตลาดบ้านเราหลายคนที่ผู้เขียนได้สัมผัสมาดูเหมือนจะเป็นนักพนันในคราบนักเก็งกำไรซะมากกว่า ซึ่งคนเหล่านี้สุดท้ายก็มักจะต้องคอตกออกจากตลาดเก็งกำไรเหล่านี้ไม่ต่างกับที่พวกเค้าคอตกออกจากตลาดการพนัน
ความแตกต่างระหว่างการเก็งกำไรกับการพนันก็คือ นักเก็งกำไรคือคนที่แสวงหากำไรโดยจะมีการวางแผนและทำการบ้านมาเป็นอย่างดีก่อนเข้าไปเก็งกำไร เปรียบเสมือนนักมวยที่มีการฟิตซ้อมและดูเทปการชกของคู่แข่งเพื่อหาจุดอ่อนก่อนขึ้นชกจริง โดยความน่าจะเป็นที่จะชนะนั้นมากกว่าแพ้หรือหากความน่าจะเป็นที่จะชนะน้อยกว่าแพ้ (Probability of Winning > Losing) ผลตอบแทนที่ได้จากการชนะแต่ละครั้งต้องมากกว่าผลขาดทุนที่แพ้ในแต่ละครั้ง (upside gain > downside loss)
ส่วนนักพนันคือคนที่แสวงหากำไรโดยการเสี่ยงโชค แม้หลายครั้งนักพนันมักจะมีการทำการบ้านไม่ต่างจากนักเก็งกำไรก็ตาม คือมีการศึกษาข้อมูลและมีการทำสถิติย้อนหลังมามากมายเพื่อจะเพิ่มความเป็นไปได้ในการชนะมากกว่าแพ้ก่อนจะเริ่มการพนัน แต่ในทางปฏิบัติการพนันจะมีแต้มต่อรองเสมอ ซึ่งจะทำให้ Probability หรือความน่าจะเป็นทั้งชนะและแพ้กลับมาสนน้ำสมเนื้อกันจนกลายเป็นการเสี่ยงโชคเช่นเคย
การเสี่ยงโชคแทบทุกชนิดผลตอบแทนมักจะคำนวณจากความน่าจะเป็นเสมอ เช่น โยนหัวก้อย โอกาสที่จะออกหัวหรือก้อยนั้น 50 เปอร์เซ็นต์เท่าๆกัน อัตราผลตอบแทนในการชนะก็จะอยู่ 1 ต่อ 1 เรียกง่ายๆว่า แทงร้อย ก็ได้คืนร้อยไม่รวมทุน แต่แน่นอนว่าเจ้ามือหรือบ่อนหรือโต๊ะก็ต้องมีหักค่าน้ำหรือค่าต๋ง ทำให้อัตราผลตอบแทนอาจจะเหลือ 1 ต่อ 0.98 หรือ 1 ต่อ เท่าไหร่ก็ตามที่น้อยกว่า 1 เช่นแทงร้อยได้ 95 บาทไม่รวมทุน เป็นต้น ซึ่งทำให้ความน่าจะเป็นในการชนะจะลดจาก 50 เปอร์เซ็นต์เหลือ 49.5เปอร์เซ็นต์หรือต่ำกว่าแล้วแต่ค่าน้ำหรือค่าต๋งจะเท่ากับเท่าไหร่ ด้วยความน่าจะเป็นในการชนะแบบนี้จะทำให้นักพนันที่ยังคงพนันไปเรื่อยๆในระยะยาวสุดท้ายจะไม่มีวันชนะเจ้ามือหรือบ่อนได้ เพราะผลตอบแทนกับความน่าจะเป็นแบบนี้ นักพนันเสียเปรียบโต๊ะอยู่ทุกๆครั้ง
มีคนมากมายที่พยายามจะเอาชนะการเสี่ยงโชคเหล่านี้โดยการคิดระบบ betting system ต่างๆนานาขึ้นมา หรือการบริหารหน้าตักเพื่อใช้สู้กับเจ้ามือ ตัวอย่างเช่น Martingale Betting System ที่ใช้วิธีการทบเงินพนันทุกครั้งที่เสีย เช่น หากแทง 1 แล้วเสียก็จะเพิ่มในการแทงครั้งต่อไปเป็น 2 หากเสีย 2 ก็จะเพิ่มการแทงครั้งต่อไปเป็น 4 เรียกว่าใช้วิธีคูณ 2 ไปเรื่อยๆ วิธีนี้มีแนวคิดว่าการชนะครั้งเดียวก็จะสามารถเรียกการขาดทุนที่ผ่านมาทั้งหมดบวกกับกำไรอีก 1 หน่วยคืนมาได้ ซึ่งตามแนวคิดมันทำได้จริงแต่เวลาปฏิบัติจริงมันทำไม่ได้ ปัญหาก็คือความอดทนต่อการแทงผิดข้างต่อเนื่องจนกระทั่งนักพนันคนนั้นรับความเสี่ยงขาดทุนที่เกิดขึ้นไม่ไหวหรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า กระเป๋าฉีก นั่นเอง
หลักคณิตศาสตร์การใช้ความน่าจะเป็นที่มีมาหาผลลัพธ์ที่โอกาสจะแพ้ต่อเนื่องนั้นจะช่วยทำให้เราเห็นว่า ทำไมนักพนันส่วนใหญ่จะกระเป๋าฉีก (ซึ่งทำให้เห็นว่า สุดท้ายยังไงๆ บ่อนก็ชนะเสมอ)
จากตาราง หากสมมติตลอดชีวิตนักพนันคนหนึ่ง พนันประมาณ 50,000 ครั้ง โอกาสที่จำนวนครั้งกับแพ้จะใกล้เคียงฝั่งละ 25,000 ครั้งทั้งคู่ แต่จะเห็นว่าโอกาสที่แทงผิดฝั่งต่อเนื่องถึง 16 ครั้งเลยทีเดียวแม้ความน่าจะเป็นในการแพ้และชนะเท่ากันคือ 50:50 ยิ่งใครที่ใช้วิธีการทบเงินแทงหลังแทงผิดไปนั้น จะยิ่งกระเป๋าฉีกได้เร็วขึ้นกว่าพวกที่ไม่ได้ทบ (ทบหรือไม่ทบระยะยาวก็กระเป๋าฉีกทั้งคู่ เพียงแต่ฉีกช้าหรือเร็วเท่านั้น) เพราะหากคุณทบเงินพนันแล้วผิดต่อเนื่องกัน คุณจะเสียเงินจำนวนมหาศาล เช่น คุณพนันครั้งแรกด้วยเงิน 1,000 บาท โดยถ้าแพ้จะทบเงินพนันไปในแต่ละครั้ง หากคุณแพ้ต่อเนื่องแค่ 8 ครั้ง เงินที่คุณเสียไปคือ 255,000 บาท
(1,000+2,000+4,000+8,000+16,000+32,000+64,000+128,000) แต่หากกระเป๋าตังค์คุณใหญ่กว่านี้จะฉีกมั้ยหนอ หากคำนวณจากค่าสถิติความเป็นไปได้ที่คุณจะผิดต่อเนื่อง 16 ครั้งดู การเริ่มต้นพนันด้วยเงิน 1,000 บาทแล้วทบต้นอาจทำให้คุณเสียหายได้ถึง 65,535,000 บาทเลยทีเดียว
นี่แหละครับคือผลเสียของการพนันและการเสี่ยงโชค ระยะยาวไม่มีใครรวยจากการพนันและการเสี่ยงโชคอย่างที่โบราณเค้าว่าไว้จริงๆ แต่หากเป็นนักเก็งกำไรตัวจริง ต้องฉลาดในการทำการบ้านและวางแผนเพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนคุ้มค่ากว่าความน่าจะเป็นที่จะแพ้ให้ได้ พวกนี้หากจะเข้าบ่อน เค้าก็จะรู้จักวิธีเอาชนะบ่อนไว้เรียบร้อยแล้ว เช่นการนับไพ่เพื่อหาความน่าจะเป็นที่นะมากกว่าแพ้ในแต่ละครั้งที่จะพนัน ซึ่งระยะยาวพวกนี้จะชนะบ่อนได้ แต่วิธีการนับไพ่แบบนี้ใครไปทำในบ่อนเค้าก็จะพาคุณออกไปไม่ให้แทงอีกเพราะเค้ารู้ว่าพวกนี้ไม่ใช่นักเสี่ยงโชค และสิ่งเหล่านี้คือความแตกต่างของนักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จในทุกตลาดกับนักพนันที่แฝงอยู่ในคราบนักเก็งกำไรในตลาดที่สุดท้ายกลายเป็นผู้แพ้
สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช
ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก