xs
xsm
sm
md
lg

ปี 55 หุ้น 152 ตัวราคานิวไฮ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้วอลุ่มเทรดหุ้นขนาดเล็กปี 55 อยู่ที่ 9.42 แสนล้านบาท โต 98% จากปีก่อน ขณะการซื้อขายหุ้นกลุ่ม SET 50 ลดลงเหลือ 65% จากที่ผ่านมา 70% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด พร้อมพบหุ้น 152 หลักทรัพย์ (ไม่รวมหุ้น IPO) ที่ทำสถิติราคาสูงสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียน (All Time High) โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นเอ็มเอไอ-หุ้นขนาดเล็กในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม อสังหาริมทรัพย์ การแพทย์ และสื่อและสิ่งพิมพ์

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เผยว่า การซื้อขายหุ้นขนาดเล็ก (ไม่รวมหุ้น IPO) ปี 2555 เติบโตสูง ซึ่งหุ้น Non-SET100 มีการซื้อขายรวม 942,240 ล้านบาท เติบโต 98.10% จากปีก่อนหน้า ด้านหุ้น mai มูลค่าซื้อขายโต 43.76% ซึ่งมูลค่าซื้อขายหุ้นกระจุกตัวในกลุ่ม SET50 ลดลง อยู่ประมาณ 65% จากแต่ก่อนไม่ต่ำกว่า 70% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด เงินลงทุนกระจายเข้าสู่หุ้น Non-SET50 มากขึ้นโดยเฉพาะหุ้นเล็กในกลุ่ม Non-SET100 และ mai โดยปี 2555 สัดส่วนการซื้อขายหุ้นกลุ่ม Non-SET100 และ mai อยู่ที่ 18.12% และ 3.78% ของยอดรวมสูงสุดรอบ 5 ปี ทั้งนี้ เฉพาะในเดือนธันวาคม การซื้อขายหุ้นของ 2 กลุ่มนี้มีสัดส่วนสูงถึง 32.20% (Non-SET100 24.40% และ mai 7.80%) หรือประมาณ 1 ใน 3 ของยอดการซื้อขายรวม

สำหรับมูลค่าการซื้อขายรายหลักทรัพย์ปี 2555 พบหุ้นกว่า 46% ในกลุ่ม Non-SET100 และ mai มีมูลค่าซื้อขายปี 2555 โตจากปี 2554 เกิน 100% ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ (SET50) และหุ้นขนาดกลาง (SET51-100) มีสัดส่วนอยู่ที่ 16%-18% ด้านการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นปี 2555 หุ้น mai มีราคาเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยสูงสุดที่ 74.90% ตามด้วยหุ้นกลุ่ม SET51-100 64.66% Non-SET100 56.96% และ SET50 42.02% ตามลำดับ ถ้ารวมหุ้นเล็กเข้าด้วยกัน (Non-SET100 และ mai) จะมีราคาเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 59.86% สูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ (SET50) และใกล้เคียงกับหุ้นขนาดกลาง (SET51-100) ส่วนหุ้นราคาต่ำกว่า 1 บาท สิ้นปี 2555 มีจำนวน 47 หลักทรัพย์ ลดลงจากปี 2554 ที่ 77 หลักทรัพย์ หรือลดลง 38.96% จำนวนที่ลดลงส่วนใหญ่เกิดจากหุ้นเล็กที่ราคาต่ำกว่า 1 บาท มีจำนวนลดลง

นอกจากนี้ ในปี 2555 ยังพบหุ้น 152 หลักทรัพย์ (ไม่รวมหุ้น IPO) ที่ทำสถิติราคาสูงสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียน (All Time High) โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้น mai และหุ้นขนาดเล็กในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม อสังหาริมทรัพย์ การแพทย์ และสื่อและสิ่งพิมพ์ การซื้อขายและราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นสูงโดยเฉพาะในหุ้นขนาดเล็ก ทำให้ค่า P/E สูงขึ้นตามการกระจายตัวค่า P/E ของหุ้นกลุ่ม Non-SET100 และ mai โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับเกิน 15 เท่า จากช่วงสิ้นปี 2554 ที่อยู่ประมาณ 10 เท่า

“เงินลงทุนไหลเข้าสู่หุ้นขนาดเล็กทั้งที่มี และไม่มีพื้นฐานรองรับ หุ้นที่มีพื้นฐานรองรับ นักลงทุนต้องประเมินมูลค่ากิจการ และเปรียบเทียบกับค่า P/E ที่สูงขึ้น พร้อมวิเคราะห์ว่าราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้วหรือยัง และคุ้มกับการลงทุนหรือไม่ สำหรับหุ้นที่ไม่มีพื้นฐานรองรับ หรือหุ้นเก็งกำไร นักลงทุนต้องตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ ซึ่งในช่วงปี 2555 ที่ผ่านมา สังเกตเห็นว่ามีหุ้นของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่ยังมีผลประกอบการขาดทุนแต่กลับมีการซื้อขาย และราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 100%” นายชนิตรกล่าวทิ้งท้าย

นายชนิตร กล่าวว่า สัปดาห์แรกของการซื้อขายปี 2556 ดัชนี SET และ mai เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2555 (SET เพิ่มขึ้น 1.78% และ mai เพิ่มขึ้น 1.35%) มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ SET อยู่ที่ 45,746 ล้านบาท (สูงสุดรอบ 9 ปี) และ mai 1,664 ล้านบาท (สูงสุดตั้งแต่จัดตั้ง) โดยหุ้น SET50 มีสัดส่วนการซื้อขาย 51.35% ของยอดรวม กลุ่ม SET51-100 24.06% กลุ่ม Non-SET100 21.07% และ mai 3.52%

ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถติดตามข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนผ่านทางแอปพลิเคชัน “OppDay” บน iPad ซึ่งนำเสนอกิจกรรมข้อมูลข่าวสารจากผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนโดยตรง (Opportunity Day) ที่มีเป็นประจำทุกไตรมาส โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าวได้ฟรีจาก App Store โดยค้นหาคำว่า “OppDay” หรือ “Opportunity Day” ซึ่งผู้ลงทุนยังสามารถดาวน์โหลดข้อมูลสำคัญของบริษัทจดทะเบียนทุกบริษัทที่สรุปไว้ในรูปแบบ Factsheet ที่ประกอบด้วยข้อมูลผลการดำเนินงาน การซื้อขาย และสถิติสำคัญต่างๆ รวมทั้งหนังสือ Stock Focus ที่รวบรวมข้อมูลหลักทรัพย์ที่น่าสนใจในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อให้ผู้ลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน


กำลังโหลดความคิดเห็น