บอร์ด กนง.-กนส.หารือร่วมกัน ระบุ การเพิ่มขึ้นบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินมากขึ้น ซึ่ง ธปท.ได้ประสานเรื่องนี้ไปยังคลังให้มีแนวทางปรับปรุงบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจในอนาคต พร้อมกันนี้ ห่วงครัวเรือนที่มีหนี้พุ่ง ขณะที่รายได้น้อย ย้ำภาพรวมเศรษฐกิจไทย-ภาคการเงินไทยปึ้ก รับแผนบาเซิล 3 ได้สบาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ธ.ค.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) ได้ประชุมร่วมกัน ครั้งที่ 2/2555 ซึ่งประชุมปีละ 2 ครั้ง ทุก 6 เดือน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันระหว่างกรรมการทั้ง 2 บอร์ดนี้ ในการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจ ภาคการเงิน และภาคสถาบันการเงิน
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ผลการหารือร่วมกันสรุปว่า ในด้านเสถียรภาพระบบการเงินมองว่าการเพิ่มขึ้นบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐอาจส่งผลต่อเสถียรภาพระบบการเงินมากขึ้น ซึ่งทาง ธปท.ได้ประสานไปยังกระทรวงการคลังแล้ว เพื่อเป็นแนวทางปรับปรุงบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐในอนาคต
ส่วนสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่เร่งตัวขึ้นต่อเนื่องนั้น คุณภาพลูกหนี้ยังดีอยู่ แต่ในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้บางกลุ่มได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ต่ำ จึงให้ติดตามภาวะสินเชื่อ และหนี้ครัวเรือนอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ในแง่ของการกำกับดูแลสถาบันการเงินมองว่า การปฏิรูปกฎเกณฑ์อื่นๆ ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลจากวิกฤตการเงินโลกที่ผ่านมา ทั้งจากปัญหาในสหรัฐฯ และยุโรป ยังไม่ส่งผลต่อระบบธนาคารพาณิชย์ไทยโดยตรงมากนัก และเห็นว่าหลักเกณฑ์กำกับดูแลเงินกองทุนตาม บาเซิล3 ธนาคารพาณิชย์ไทยมีความเข้มแข็ง และพร้อมจะดำเนินการได้ ซึ่งจะเริ่มใช้หลักเกณฑ์นี้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.56 เป็นต้นไป
ผลการประชุมดังกล่าว ยังมีการหารือในภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเห็นว่าความเสี่ยงหลักต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินไทยในปัจจุบันยังเป็นความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก ทั้งการแก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ของสหรัฐฯ ปัญหายุโรปที่ยังต้องใช้เวลาในการแก้ไข รวมถึงแนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจนำไปสู่ความไม่แน่นอนเศรษฐกิจโลก และความผันผวนต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายในระยะต่อไปได้ จึงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม
ด้านนายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ในฐานะหนึ่งในบอร์ดกนส.กล่าวว่า หัวใจสำคัญในการประชุมร่วมครั้งนี้ เพื่อปรับความคิดให้ทั้ง 2 บอร์ดมีความคิดเห็น และข้อมูลที่ได้รับตรงกัน ถือว่าจูนความคิดได้ดีในระดับหนึ่ง โดยในที่ประชุมมีความเป็นห่วงว่า ปีหน้าภาคครัวเรือนที่มีหนี้เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้น้อย และการใช้หลักเกณฑ์บาเซิล3 ไม่ได้สร้างความตระหนกให้แก่สถาบันการเงินไทย เพราะธนาคารมีความแข็งแรง และเห็นกรอบปฏิบัติหลักเกณฑ์ต่างๆ อยู่แล้ว และไม่ได้มีการพูดคุยทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ธ.ค.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) ได้ประชุมร่วมกัน ครั้งที่ 2/2555 ซึ่งประชุมปีละ 2 ครั้ง ทุก 6 เดือน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันระหว่างกรรมการทั้ง 2 บอร์ดนี้ ในการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจ ภาคการเงิน และภาคสถาบันการเงิน
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ผลการหารือร่วมกันสรุปว่า ในด้านเสถียรภาพระบบการเงินมองว่าการเพิ่มขึ้นบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐอาจส่งผลต่อเสถียรภาพระบบการเงินมากขึ้น ซึ่งทาง ธปท.ได้ประสานไปยังกระทรวงการคลังแล้ว เพื่อเป็นแนวทางปรับปรุงบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐในอนาคต
ส่วนสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่เร่งตัวขึ้นต่อเนื่องนั้น คุณภาพลูกหนี้ยังดีอยู่ แต่ในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้บางกลุ่มได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ต่ำ จึงให้ติดตามภาวะสินเชื่อ และหนี้ครัวเรือนอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ในแง่ของการกำกับดูแลสถาบันการเงินมองว่า การปฏิรูปกฎเกณฑ์อื่นๆ ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลจากวิกฤตการเงินโลกที่ผ่านมา ทั้งจากปัญหาในสหรัฐฯ และยุโรป ยังไม่ส่งผลต่อระบบธนาคารพาณิชย์ไทยโดยตรงมากนัก และเห็นว่าหลักเกณฑ์กำกับดูแลเงินกองทุนตาม บาเซิล3 ธนาคารพาณิชย์ไทยมีความเข้มแข็ง และพร้อมจะดำเนินการได้ ซึ่งจะเริ่มใช้หลักเกณฑ์นี้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.56 เป็นต้นไป
ผลการประชุมดังกล่าว ยังมีการหารือในภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเห็นว่าความเสี่ยงหลักต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินไทยในปัจจุบันยังเป็นความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก ทั้งการแก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ของสหรัฐฯ ปัญหายุโรปที่ยังต้องใช้เวลาในการแก้ไข รวมถึงแนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจนำไปสู่ความไม่แน่นอนเศรษฐกิจโลก และความผันผวนต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายในระยะต่อไปได้ จึงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม
ด้านนายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ในฐานะหนึ่งในบอร์ดกนส.กล่าวว่า หัวใจสำคัญในการประชุมร่วมครั้งนี้ เพื่อปรับความคิดให้ทั้ง 2 บอร์ดมีความคิดเห็น และข้อมูลที่ได้รับตรงกัน ถือว่าจูนความคิดได้ดีในระดับหนึ่ง โดยในที่ประชุมมีความเป็นห่วงว่า ปีหน้าภาคครัวเรือนที่มีหนี้เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้น้อย และการใช้หลักเกณฑ์บาเซิล3 ไม่ได้สร้างความตระหนกให้แก่สถาบันการเงินไทย เพราะธนาคารมีความแข็งแรง และเห็นกรอบปฏิบัติหลักเกณฑ์ต่างๆ อยู่แล้ว และไม่ได้มีการพูดคุยทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
