“ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” ผู้ว่าการ ธปท. คว้าตำแหน่งนักการเงินแห่งปี 2555 ด้วยมติเอกฉันท์ และคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งความเป็นมืออาชีพ การรักษาผลประโยชน์ชาติ และการดูแลสังคม ถือเป็นรายที่ 2 ในรอบ 30 ปี
วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2555 ประกาศผลการตัดสิน รางวัลเกียรติยศ “นักการเงินแห่งปี” ประจำปี 2555 (Financier of the Year 2012) โดยในปีนี้คณะกรรมการตัดสินรางวัล “นักการเงินแห่งปี” ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ มอบรางวัลเกียรติยศ “นักการเงินแห่งปี” ประจำปี 2555 ให้แก่ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ทั้ง 4 ข้อ ดังนี้
1.เป็นนักการเงินที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และทันสมัย 2.เป็นนักการเงินมืออาชีพ ที่มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ 3.เป็นนักการเงินที่สร้างความเจริญเติบโตให้แก่องค์กร และ 4.เป็นนักการเงินที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม
นายประสาร ถือเป็นผู้บริหาร ธปท. รายที่ 2 ที่ได้รับรางวัลนักการเงินแห่งปี ในรอบ 30 ปี ตั้งแต่ การเงินธนาคาร ริเริ่มรางวัลเกียรติยศ “นักการเงินแห่งปี” มาตั้งแต่ปี 2525 ต่อเนื่องติดต่อกันมาถึง 30 ปี เพื่อยกย่องนักการเงินที่มีความโดดเด่นในแวดวงการเงินการธนาคาร ด้วยการกลั่นกรอง และพิจารณาอย่างเข้มข้นของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากการติดตามผลงาน และการพัฒนาที่เกิดขึ้นในวงการธนาคารและการเงิน โดยยึดหลักเกณฑ์การพิจารณานักการเงินแห่งปี ใน 4 ด้านดังกล่าว
สำหรับรายละเอียดในการพิจารณาทั้ง 4 ข้อ มีดังนี้
1.เป็นนักการเงินที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และทันสมัย
นายประสาร เข้ารับตำแหน่ง ผู้ว่าการ ธปท. เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 และจากประสบการณ์ทั้งในหน่วยงานของรัฐ และเอกชนที่สั่งสมมากว่า 30 ปี ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย ภายใต้บริบทเศรษฐกิจโลกที่มีการปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการผสมผสานเครื่องมือทางด้านนโยบายการเงิน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งยังได้จัดทำ “แผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ และเงินตราต่างประเทศ” เพื่อให้การหมุนเวียนของเงินทุนเข้าออกระหว่างประเทศของไทยมีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจในระยะยาว
นายประสารยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อจัดตั้งสำนักงานให้ความช่วยเหลือทางด้านวิชาการแห่งแรกในเอเชียที่ประเทศไทย (Technical Assistance Office) เพื่อช่วยเหลือประเทศเพื่อบ้าน ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งสำนักงานตัวแทน ธปท. ในประเทศจีน ซึ่งจะเป็นผู้นำในการสร้างการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศในภูมิภาค
2.เป็นนักการเงินมืออาชีพที่มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ
นายประสาร แสดงถึงภาวะผู้นำได้อย่างชัดเจนในหลายสถานการณ์ บริหารความสมดุลของบทบาทหน้าที่ธนาคารกลางความมีอิสระในการดำเนินนโยบายการเงิน กับ ข้อเสนอแนะและความต้องการของนโยบายทางการเมือง เพราะตระหนักถึงความมั่นคง และการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติตลอดเวลา รวมทั้งวางแนวทางการบริหารเงินทุนสำรองระหว่างประเทศให้มีความยืดหยุ่นแต่ยังคงยึดวัตถุประสงค์หลักตามที่กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจน
นายประสาร ได้ทำหนังสือลงวันที่ 9 มกราคม 2555 ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อแสดงความเห็นต่อการออกพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ เพื่อแก้ไขหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งส่งผลให้มีการกำหนดแนวทางแก้ไขหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ที่ชัดเจน คือ โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯให้ ธปท.บริหาร ขณะที่การชำระหนี้มาจากเงินกำไรสุทธิ ธปท.ไม่น้อยกว่า 90% เพื่อชำระเงินต้น และส่วนหนึ่งจากการเก็บเงินนำส่งจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งคำนวณจากฐานเงินฝากในอัตรา 0.47%
3.เป็นนักการเงินที่สร้างความเจริญเติบโตให้กับองค์กร
นายประสาร และพนักงาน ธปท.ทุกคน ถือเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของธนาคารกลางที่ดี ที่จะสร้างความเข้าใจร่วมกันกับทุกฝ่ายถึงทิศทางนโยบาย และแนวคิดที่มาของนโยบาย เพื่อสร้างเสริมให้เกิดความโปร่งใสในการทำงานของ ธปท. จึงได้จัดให้มีการแถลงสื่อสารต่อประชาชน ถึงแนวทางการดำเนินนโยบายเป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่เข้าทำหน้าที่ รวมไปถึงยังมุ่งที่จะทำให้ธปท.เป็นทางเลือกแรกของนิสิตนักศึกษา และผู้มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถให้มาร่วมงาน เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคง และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศ
4.เป็นนักการเงินที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม
นายประสาร ไม่เคยมองข้าม “สังคม” เพราะการมุ่งรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย คือ การดูแลประชาชนคนไทย หรือสังคมนั่นเอง จึงสนับสนุนให้สถาบันการเงินมีบริการทางการเงินที่มีคุณภาพ หลากหลาย ทั่วถึง ในราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
นอกจากนี้ ยังได้ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้แก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น ซึ่งนำมาสู่การเลือกใช้ได้ตรงกับความต้องการ โดยได้เปิดศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ให้บริการในลักษณะ One-touch service เน้นทำงานทั้งเชิงรับ และเชิงรุก เช่น การรับและดูแลเรื่องร้องเรียนด้านการบริการของสถาบันการเงินภายใต้การกำกับดูแลของแบงก์ชาติ ผ่านสายด่วนหมายเลข 1213