กองทุนฟื้นฟูฯ เดินหน้านำหุ้น บสก.เข้าตลาดฯ ปลื้มมีผู้สนใจเสนอตัวรับฟังทีโออาร์ถึง 10 ราย ระบุต้นเดือน ม.ค.นี้จะให้ยื่นแผนกลยุทธ์ และคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ พร้อมรอจังหวะทยอยปล่อยหุ้น-ลดบทบาท
นางพวงทิพย์ ปรมาพจน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฟื้นฟูฯ) กล่าวถึงความคืบหน้ากระบวนการนำหุ้น บสก.เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า หลังจากที่ลงโฆษณาเชิญชวนผู้สนใจเสนอตัว และชี้แจงร่างเงื่อนไขประกวดราคา (ทีโออาร์) เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ให้ความสนใจค่อนข้างมาก ทำให้มีผู้เสนอตัวถึง 10 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่
“ขั้นตอนต่อไปจะให้บริษัทศึกษาความเป็นไปได้ของแผนกลยุทธ์ที่จะนำ บสก.เข้าจดทะเบียนใน ตลท. ซึ่งบริษัทที่ทำทีโออาร์จะต้องยื่นแผนมาในช่วงต้นเดือน ม.ค.นี้ และจะมีการตัดสินคัดเลือกที่บริษัทที่จะเข้ามาเป็นปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ต่อไป”
ก่อนหน้านี้ ผู้จัดการกองทุนฟื้นฟูฯ กล่าวว่า เท่าที่ประเมินเบื้องต้นคาดว่าว่า บสก.จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนใน ตลท.ได้ช่วงครึ่งหลังของปี 56 โดยตั้งใจว่าการนำหุ้นของ บสก.ออกขายใน ตลท. ส่วนหนึ่งต้องการลดบทบาทของกองทุนฟื้นฟูฯ เพื่อให้คนไทยมีส่วนร่วม ฉะนั้น ระยะแรกกองทุนฟื้นฟูฯ ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ แต่จะค่อยๆ ทยอยขายหุ้นออกไปจะดูจังหวะเวลา พร้อมกันนี้ ต้องการให้ บสก. ก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งสามารถรับซื้อทรัพย์ประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้า ตลท.แล้วกองทุนฟื้นฟูฯ จะถือเหลือสัดส่วนเท่าไรจะรอดูแผนของที่ปรึกษาทางการเงินก่อน
นอกจากนี้ ต้องการเพิ่มศักยภาพของ บสก.จึงไม่ได้รับประโยชน์แค่เงินปันผล แต่อาจเพิ่มมูลค่าเงินปันผลให้มีมากขึ้น และต้องการให้ บสก.เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติอีกแห่งหนึ่งที่เป็นภาคเอกชน และมีบทบาทเป็นสถาบันการเงินเองมากกว่า อีกทั้งเห็นว่าเหตุการณ์เหมือนปี 40 คงไม่มีอีกแล้ว และหากอนาคตเกิดมีประเด็นนี้มาก็ยังมีบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) อีกแห่งที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือที่ดีได้
ปัจจุบัน กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นใน บสก.ทั้งสิ้น 547 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 25 บาท มูลค่าตามบัญชีหุ้นละ 50.23 บาท ณ สิ้นเดือน ก.ย.55 โดย บสก.มีสาขาทั้งสิ้น 26 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ มีสินทรัพย์ 71,068 ล้านบาท คิดเป็นอันดับ 1 ในระบบบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มี 21 แห่ง มีทุนจดทะเบียน 13,675 ล้านบาท และมีทุนตามบัญชีรวมกำไรสะสม 2.6 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนของปี 55 รวม 2,951 ล้านบาท
นางพวงทิพย์ ปรมาพจน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฟื้นฟูฯ) กล่าวถึงความคืบหน้ากระบวนการนำหุ้น บสก.เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า หลังจากที่ลงโฆษณาเชิญชวนผู้สนใจเสนอตัว และชี้แจงร่างเงื่อนไขประกวดราคา (ทีโออาร์) เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ให้ความสนใจค่อนข้างมาก ทำให้มีผู้เสนอตัวถึง 10 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่
“ขั้นตอนต่อไปจะให้บริษัทศึกษาความเป็นไปได้ของแผนกลยุทธ์ที่จะนำ บสก.เข้าจดทะเบียนใน ตลท. ซึ่งบริษัทที่ทำทีโออาร์จะต้องยื่นแผนมาในช่วงต้นเดือน ม.ค.นี้ และจะมีการตัดสินคัดเลือกที่บริษัทที่จะเข้ามาเป็นปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ต่อไป”
ก่อนหน้านี้ ผู้จัดการกองทุนฟื้นฟูฯ กล่าวว่า เท่าที่ประเมินเบื้องต้นคาดว่าว่า บสก.จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนใน ตลท.ได้ช่วงครึ่งหลังของปี 56 โดยตั้งใจว่าการนำหุ้นของ บสก.ออกขายใน ตลท. ส่วนหนึ่งต้องการลดบทบาทของกองทุนฟื้นฟูฯ เพื่อให้คนไทยมีส่วนร่วม ฉะนั้น ระยะแรกกองทุนฟื้นฟูฯ ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ แต่จะค่อยๆ ทยอยขายหุ้นออกไปจะดูจังหวะเวลา พร้อมกันนี้ ต้องการให้ บสก. ก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งสามารถรับซื้อทรัพย์ประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้า ตลท.แล้วกองทุนฟื้นฟูฯ จะถือเหลือสัดส่วนเท่าไรจะรอดูแผนของที่ปรึกษาทางการเงินก่อน
นอกจากนี้ ต้องการเพิ่มศักยภาพของ บสก.จึงไม่ได้รับประโยชน์แค่เงินปันผล แต่อาจเพิ่มมูลค่าเงินปันผลให้มีมากขึ้น และต้องการให้ บสก.เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติอีกแห่งหนึ่งที่เป็นภาคเอกชน และมีบทบาทเป็นสถาบันการเงินเองมากกว่า อีกทั้งเห็นว่าเหตุการณ์เหมือนปี 40 คงไม่มีอีกแล้ว และหากอนาคตเกิดมีประเด็นนี้มาก็ยังมีบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) อีกแห่งที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือที่ดีได้
ปัจจุบัน กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นใน บสก.ทั้งสิ้น 547 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 25 บาท มูลค่าตามบัญชีหุ้นละ 50.23 บาท ณ สิ้นเดือน ก.ย.55 โดย บสก.มีสาขาทั้งสิ้น 26 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ มีสินทรัพย์ 71,068 ล้านบาท คิดเป็นอันดับ 1 ในระบบบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มี 21 แห่ง มีทุนจดทะเบียน 13,675 ล้านบาท และมีทุนตามบัญชีรวมกำไรสะสม 2.6 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนของปี 55 รวม 2,951 ล้านบาท
