ราคาทองคำโลกปรับย่อลงมาจาก $1,754 ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมาจนปัจจุบันอยู่บริเวณ $1,704 โดยก่อนหน้านั้นราคาก็มีการขึ้นไปทดสอบ $1,795 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของปี 2012 แต่ก็ไม่สามารถทะลุเหนือ $1,800 เหรียญขึ้นไปได้ ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มกังวลว่าราคาทองคำจะยังเป็นภาวะกระทิงหรือขาขึ้นอยู่หรือไม่ โอกาสที่ราคาจะทะลุเหนือ $1,800 เพื่อขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ $1,920 ยังมีอยู่หรือไม่
ทำไมทองยังเป็นขาขึ้นอยู่
ตราบใดก็ตามที่มนุษย์ยังเชื่อว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวมันเองและเปรียบเสมือนสกุลเงินสกุลหนึ่งซึ่งสามารถใช้เป็นหลักประกันของการพิมพ์ธนบัตรหรือใช้เป็นทุนสำรองได้ ทองคำก็จะยังถูกใช้และถูกเก็บสะสมโดยธนาคารกลางของหลายประเทศอยู่โดยเฉพาะหลังจากวิกฤตทางเศรษฐกิจในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาที่ทำให้ความต้องการในทองคำเพื่อใช้ในการเป็นทุนสำรองของธนาคารต่างๆเพิ่มมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการที่ธนาคารกลางต่างๆมีนโยบายการใช้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและการอัดฉีดปั๊มเงินเข้าสู่ระบบเพื่อพยุงหรือกระตุ้นเศรษฐกิจของตัวเอง จะยิ่งทำให้ทองคำมีความสำคัญในฐานะสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อมากยิ่งขึ้น ด้วยประเด็นเหล่านี้แม้ตัวเลขความต้องการทองคำจากภาคอุตสาหกรรมเครื่องประดับอาจจะดูไม่สดใสเท่าไหร่ แต่ความต้องด้านภาคการลงทุนในทองคำนั้นยังอยู่ในช่วงเติบโตได้ดี
อะไรที่จะทำให้ทองคำเป็นขาลง
ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือตรงข้ามกับข้อความข้างต้น นั่นคือ หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของหลายๆธนาคารกลางโดยเฉพาะสหรัฐ หรือมีมาตรการใดๆเพื่อดูดปริมาณเงินที่อัดฉีดเข้าไปในระบบก่อนหน้านี้กลับคืนมา สิ่งเหล่านี้จะลดความน่าสนใจในการลงทุนในทองคำแบบฉับพลัน
แล้วอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับขึ้นเมื่อไหร่
อัตราดอกเบี้ยที่เราพูดถึงจะเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐเป็นหลักเพราะกระทบต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก ซึ่งอย่างที่ทุกคนทราบ ธนาคารกลางสหรัฐได้ลดอัตราดอกเบี้ยและคงไว้อยู่ระดับต่ำสุดไว้ที่ 0-0.25 เปอร์เซ็นต์ไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2008 และจะยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับนี้ไปจนกว่าจะปี 2014 เป็นอย่างน้อยตามประกาศของประธานธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งหากตัวเลขว่างงานของสหรัฐหล่นเหลือต่ำกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ถึงจะอยู่ในระดับที่สหรัฐรับได้
ถ้าหากหันมามองการประเมินแนวโน้ม GDP ของทั้งสหรัฐและยุโรปในปีหน้าที่นักวิเคราะห์ทั่วโลกเฉลี่ยมุมมองแล้วก็จะเห็นว่า การเติบโตของ GDP สหรัฐปีหน้าอาจลดลงเหลือ 1.5 เปอร์เซ็นต์ และฝั่งยุโรปอาจติดลบด้วยซ้ำ ซึ่งแน่นอนว่ามาตรการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำจะยังต้องถูกใช้ไปอีกสักระยะใหญ่ๆ และมาตรการอัดฉีดอาจจะยังจำเป็นต้องมีหรืออาจต้องขยายเพิ่มเติมด้วยซ้ำ ทำให้ทองคำจะยังเป็นสินทรัพย์ที่บรรดาธนาคารกลางและนักลงทุนทั้งหลายจะยังให้ความสนใจอยู่ต่อไป
หากดูด้านเทคนิคหรือใช้กราฟวิเคราะห์พฤติกรรมของราคา จะเห็นว่าราคาทองคำโลกยังแกว่งตัวในกรอบ $1,520-1,800 เหรียญ ซึ่งหากผ่านทะลุเหนือ $1,800 ขึ้นไปเมื่อไหร่ ราคาทองคำจะกลับมาขึ้นแรงโดยมีเป้าหมายที่ $2,050 แต่หากหลุดต่ำกว่า $1,520 นั่นแสดงถึงการจบรอบขาขึ้นของทองคำในรอบ 12 ปีแล้ว
สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช
ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก
