รอยเตอร์ - สาธารณสุขสหรัฐฯ เผยหนุ่มสาวอเมริกันกว่าครึ่งหนึ่งที่ติดเชื้อเอชไอวี ยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตนเองได้รับเชื้อ ขณะที่วัยรุ่นผิวสีและชายรักชายมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากที่สุด
รายงานจากสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐฯ (ซีดีซี) ที่เผยแพร่วานนี้(27) ระบุว่า ร้อยละ 26 ของผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ๆ เป็นคนอเมริกันหนุ่มสาวที่อายุระหว่าง 13-24 ปี
ดร.โทมัส ฟรีเดน ผู้อำนวยการซีดีซี แถลงรายงานต่อสื่อมวลชนสหรัฐฯ ว่า ทุกเดือนจะมีวัยรุ่นอเมริกันราว 1,000 คนที่ได้รับเชื้อเอชไอวี โรคร้ายซึ่งยังไม่มีทางรักษา และทำให้ผู้ป่วยต้องสูญค่ารักษาพยาบาลเฉลี่ย 400,000 ดอลลาร์สหรัฐตลอดอายุขัย
“ข้อมูลที่พบน่ากังวลอย่างยิ่ง” ดร.เควิน เฟนตัน ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันโรคเอดส์, ไวรัสตับอักเสบ, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวัณโรคแห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์
จากสถิติปี 2010 มีคนหนุ่มสาวได้รับเชื้อเอชไอวีในสหรัฐฯ ราว 12,000 คน ร้อยละ 72 เป็นชายวัยรุ่นที่มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน และเกือบร้อยละ 50 เป็นวัยรุ่นผิวสี
“เรารู้สึกเป็นห่วงต่อสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีของกลุ่มเกย์ผิวสีและไบเซ็กชวล... คนกลุ่มนี้คิดเป็นร้อยละ 39 ของวัยรุ่นที่ได้รับเชื้อใหม่ และกว่าครึ่งเป็นกลุ่มชายรักชาย”
เฟนตันชี้ว่า แม้วัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ๆ จะมีจำนวนค่อนข้างคงที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่วัยรุ่นผิวสีและเกย์กลับมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้น และเนื่องจากเด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่เพิ่งจะค้นพบตนเอง แรงกดดันจากสังคมจึงทำให้การตรวจรักษาเป็นเรื่องยาก
ซีดีซีพบว่า ปัจจุบันมีนักเรียนไฮสกูลเพียงร้อยละ 13 และวัยรุ่นที่มีกิจกรรมทางเพศเพียงร้อยละ 22 ที่เข้ารับการตรวจเชื้อเอชไอวี
ขณะเดียวกัน สถิติของประชากรวัยผู้ใหญ่ตอนต้นอายุระหว่าง 18-24 ปีก็ไม่แตกต่างกันนัก โดยมีเพียงร้อยละ 39 ที่เคยเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี
ฟรีเดนอธิบายว่า เหตุที่วัยรุ่นเกย์และไบเซ็กซวลมีอัตราการติดเชื้อสูงกว่า เนื่องจากมีพฤติกรรมเสี่ยงมากกว่าวัยรุ่นที่มีรสนิยมรักคนต่างเพศ
จากการศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมของนักเรียนไฮสกูลยังพบว่า เกย์และไบเซ็กชวลนิยมการมีเพศสัมพันธ์หมู่, ฉีดสารเสพติด และมักดื่มเหล้าหรือใช้ยาเสพติดก่อนมีเพศสัมพันธ์ ทั้งยังไม่นิยมใช้ถุงยางอนามัยด้วย
ซีดีซีระบุอีกว่า วัยรุ่นเกย์เป็นกลุ่มที่ได้รับความรู้เรื่องเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์จากในโรงเรียนน้อยที่สุด
“เราคงต้องเร่งแก้ไขความเข้าใจผิดต่างๆ... น่าแปลกใจที่ยังมีนักเรียนไฮสกูลจำนวนมากไม่ได้รับความรู้เรื่องสรีรศาสตร์มากพอ” ฟรีเดนกล่าว
