- โจตันเผยตลาดสีทาอาคารมีการแข่งขันสูงขึ้น ทำให้ในปี 55 มูลค่าตลาดโตขึ้น 10% มั่นใจอีก 3 ปีขึ้นเป็นเบอร์ 2 ชี้โมเดิร์นเทรดเติบโตในต่างจังหวัด 35%
นายกุนน่าร์ โทรีเซน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจตันไทย จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์การแข่งขันในตลาดสีทาอาคารในปี 2555 มีการแข่งขันมากขึ้น คู่แข่งหลักๆ ได้มีการพัฒนาคุณภาพสินค้า และภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในระดับพรีเมียมมากขึ้น ส่วนหนึ่งนั้นสืบเนื่องมาจากต้นทุนน้ำมันที่สูง และผันผวน จึงทำให้ไม่สามารถขายสีในราคาที่ถูกได้ เพราะต้นทุนค่าขนส่งถีบตัวสูงขึ้นตลอดเวลา แต่ระยะหลังนี้ผู้ผลิตสีมีทางเลือกในการซื้อวัตถุดิบมากขึ้น
จากการที่มีแหล่งวัตถุดิบรายใหม่ทั้งจากจีน และอินเดียที่เสนอในราคาที่ถูกลง ทำให้ผู้ผลิตมีทางเลือกมากขึ้น และสามารถกลับมาทำตลาดในส่วนของสีระดับกลาง และระดับล่างได้อีกครั้ง
นอกจากนั้น บริษัทคู่แข่งยังได้ใช้กลยุทธ์ดึงลูกค้าโดยใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากในการทำโฆษณาโดยใช้พรีเซ็นเตอร์คนดัง ในส่วนของมูลค่าตลาดสีทาอาคารในปี 2555 โตขึ้น 10% หรือมีมูลค่ารวมที่ 12,000 ล้านบาท ในส่วนของสีโจตันมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ 10-12% เป็นอันดับ 3 รองจาก TOA และICI และคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า โจตันจะขึ้นมาเป็นอันดับ 2 โดยจะมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 20%
ทั้งนี้ ในช่วงปี 2555 ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้โดยเติบโตขึ้น 15% จากปีที่แล้วหรือประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท และในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายแล้วเกือบ 2,500 ล้านบาทแล้ว คาดว่ายอดขายจะได้ตามเป้าในอีก 2 เดือนที่เหลือ ซึ่งมีปัจจัยสำคัญทั้งด้านการขยายช่องทางร้านค้าโดยเพิ่มตัวแทนจัดจำหน่ายให้มากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางการจัดจำหน่ายกับโมเดิร์นเทรด อย่างโฮมโปร ไทวัสดุ และบุญถาวร ซึ่งมีการเติบโตในต่างจังหวัดมากขึ้นถึง 35%
และอีกส่วนหนึ่งจากได้รับอานิสงส์จากช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2554 ที่เกิดอุทกภัยขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากได้กลับเข้ามาสู่ภาวะปกติ ก็ได้รับผลเชิงบวก ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้สีสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ของปี โดยภาพรวมตลาดสิ้นปี 2555 นี้น่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 149 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าปี 2554 ที่ภาพรวมตลาดสีชะลอตัว เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่
ส่วนในอีก 2 ปีข่างหน้า จะมีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือAEC ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้ตลาดโดยรวมโตขึ้น และทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีความเข้มแข็งขึ้น ส่วนของบริษัทเองก็มีความพร้อมอย่างมาก เพราะว่ามีโรงงานการผลิตเกือบครบทุกประเทศในอาเซียน ยกเว้นในประเทศลาวที่ยังไม่มี
สำหรับในปี 2556 งบประมาณทางการตลาด และกิจกรรมจะใกล้เคียงกับปี 2555 คือ ประมาณ 150 ล้านบาท แต่จะจัดลำดับความสำคัญไว้ดังนี้ เสริมความแข็งแกร่งของระบบผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมในราคาที่แข่งขันได้ ปรับการจัดวางตำแหน่งสินค้าในตลาดของสีโจตันให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเน้นแนวคิดในการกระจายอำนาจการตัดสินใจให้แก่เซลส์แต่ละท้องที่มากขึ้น และท้ายที่สุดปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้สื่อ โดยมุ่งเน้นสื่อทางเลือกใหม่ๆ และกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมการตลาดให้มากขึ้น” นายกุนน่าร์ โทรีเซน กล่าวทิ้งท้าย
