ไดเมท (สยาม) โชว์สีทาอาคารกระแสตอบรับเยี่ยม ลุยเพิ่มช่องทางจำหน่าย และสร้างแบรนด์ให้
เป็นที่รู้จักต่อเนื่อง มั่นใจปีนี้รายได้รวมโตทะลุ 10% เดินหน้าขยายตลาด เพิ่มคุณภาพการผลิต ลดต้นทุนการดำเนินงาน เผยผลประกอบการไตรมาสแรกกำไรขั้นต้นแตะ 24.77% ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่รายได้รวม 92.81 ล้านบาท ชะลอตัวเล็กน้อยจากฤดูฝนที่เป็นโลว์ซีซันของธุรกิจ
นายสุรพล รุจิกาญจนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดเมท (สยาม) จำกัด (มหาชน) หรือ DIMET ผู้ดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีคุณภาพสูงสำหรับใช้ทาในงานอุตสาหกรรม งานโครงเหล็ก รวมทั้งสีทาภายใน-ภายนอกอาคาร สีเคลือบไม้ สีทาเฟอร์นิเจอร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สีทาอาคารของบริษัทมีกระแสตอบรับที่ดี และมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักของกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป และโครงการต่างๆ มากขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้มีการขยายช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางโมเดิร์นเทรด เช่น โฮมโปร ร้านวัสดุก่อสร้างในเครือ SCG รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ต่างๆ โดยปัจจุบัน บริษัทมีตัวแทนจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 30 แห่งทั่วประเทศ และคาดว่าภายในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 40 แห่ง
“ในช่วงที่ผ่านมา สี DIMET ได้มีการทำกิจกรรมการตลาดหลากหลายรูปแบบ เช่น กิจกรรมแนะนำผลิตภัณฑ์ ณ จุดขาย การจัดโปรโมชันพิเศษ การใช้สื่อโฆษณา การเพิ่มช่องทางจำหน่าย การเข้าร่วมงาน EXPO รูปแบบต่างๆ เพื่อให้กลุ่มลูกค้ามีโอกาสทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ และสร้างแบรนด์สี DIMET ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น จากการทำกิจกรรมดังกล่าว ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด และคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดียิ่งขึ้นในช่วงต่อจากนี้ เนื่องจากตลาดสีทาอาคารมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มผู้ใช้เองมองหาสีที่คุณภาพดี สวยงาม ทนทาน ปลอดภัยต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม ซึ่งสี DIMET สามารถตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี” นายสุรพลกล่าว
ส่วนแนวโน้มการเติบโตของ DIMET ในปีนี้ (ก.ค.55-มิ.ย.56) คาดว่ายอดขายจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 390.94 ล้านบาท โดยสีทาอาคาร และสีอุตสาหกรรมในโครงการขนาดใหญ่ จะเป็นผลิตภัณฑ์หลักในการผลักดันการเติบโต ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ บริษัทยังคงมีการทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะมุ่งเน้นการผลิตสีคุณภาพสูงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีคุณสมบัติการใช้งานโดดเด่น ด้วยกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
นายสุรพล กล่าวต่อไปถึงผลประกอบการไตรมาสแรก (ก.ค.-ก.ย.55) ว่า อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 24.77% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 21.09% โดยเป็นผลจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม รายได้รวมของบริษัทมีการชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาเป็นช่วงฤดูฝน ความต้องการใช้สีมีการชะลอตัวลง ซึ่งถือเป็นช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจโดยรวม ส่งผลให้รายได้รวมอยู่ที่ 92.81 ล้านบาท ลดลง 4.83% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 97.52 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิจำนวน 2.4 ล้านบาท โดยเป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการออกเครื่องมือทางการเงิน