xs
xsm
sm
md
lg

“ชนินท์” มอง ศก.ปีหน้า “ตลาดเงิน-ตลาดทุน” ยังแกร่ง แต่ภาคธุรกิจต้องปรับตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชนินทร์ ว่องกุศลกิจ (ภาพจากเว็บบ้านปู)
นายก ส.เศรษฐศาสตร์ มธ. ชี้ ศก.โลกชะลอตัว ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของไทยปีหน้า มั่นใจ “ตลาดเงิน-ตลาดทุน” แข็งแกร่ง แต่ภาคธุรกิจยังต้องปรับตัว เชื่อ ดบ.ไทยไม่สูง สกัดเงินไหลเข้า เร่งรัฐเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน 2.27 ล้าน ลบ. พร้อมแนะ รบ. แสดงความจริงใจ ลดผลกระทบขึ้นค่าแรง 300 ห่วงธุรกิจ “เอสเอ็มอี” แห่เลิกกิจการ

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในงานสัมมนาทิศทางเศรษฐกิจปี 2556 ของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ โดยระบุว่า ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน อินเดีย และญี่ปุ่นที่มีการเติบโตช้า

“ถึงแม้ว่าหลายประเทศจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงที่ผ่านมา และมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ โดยเชื่อว่า อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำอีก 2-3 ปี ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของไทยคงไม่สูงมากนัก เพราะจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทได้”

นอกจากนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจโดยภาคการเงิน โดยเฉพาะตลาดทุน และสถาบันการเงินของไทยจะมีความแข็งแกร่ง แต่ภาคธุรกิจยังต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือกับเศรษฐกิจโลก

ขณะที่ภาครัฐจะต้องเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2.27 ล้านล้านบาท เพราะจะเป็นความหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันของประเทศ ช่วยลดต้นทุนลอจิสติกส์ให้ต่ำลง เหลือประมาณร้อยละ 10-12 จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 18

พร้อมกันนี้ นายชนินท์ยังมองว่า ปัจจัยทางการเมืองยังถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ซึ่งภาคเอกชนไม่อยากเห็นเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น

ส่วนประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ ในวันที่ 1 มกราคม 2556 นั้น รัฐบาลคงจะเดินหน้าอย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลต้องการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ใช้แรงงาน ขณะที่เอกชนต้องการเวลาในการปรับตัว 1-2 ปี ซึ่งยังเป็นความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

ดังนั้น ภาครัฐ และเอกชนต้องหาทางออกร่วมกันในการหามาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดกลาง และขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ที่มีอยู่เป็นแสนราย เพราะจะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรง และคาดว่าเอสเอ็มอีจะต้องปิดกิจการอย่างแน่นอน ซึ่งหากเอสเอ็มอียกเลิกกิจการไปแล้วคงเป็นเรื่องยากในการพลิกฟื้นให้กลับมา
กำลังโหลดความคิดเห็น