“กิตติรัตน์” เผย 4 ปัจจัยหลักขับเคลื่อน ศก.ปี 56 ย้ำขึ้นค่าแรง 300 บาทช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กระตุ้นกำลังซื้อใน ปท. ขับเคลื่อน ศก.ชดเชยผลกระทบ ศก.หดตัวจากพิษ ศก.โลก เร่งเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท พร้อมเป้าหมายลดปัญหาคอร์รัปชัน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อธุรกิจไทยในเวทีโลก ที่จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ณ โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค โดยระบุว่า รัฐบาลมีความมั่นใจในการดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจที่ต้องการผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น และช่วยให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็งขึ้น
โดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต้องประกอบด้วย 4 เรื่องหลัก คือ การส่งออก การส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ การใช้จ่ายของภาครัฐ และการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้เร่งดำเนินนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจไทยภายในประเทศ ทดแทนระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกของไทยผ่านนโยบายการขึ้นค่าแรง 300 บาท ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการเกิดการพัฒนาศักยภาพแรงงานของตนให้ดีขึ้น ขณะที่ผู้ถูกจ้างต้องเพิ่มศักยภาพของตนให้เพิ่มขึ้นด้วย
“ค่าแรงที่สูงขึ้นจะส่งผลให้เศรษฐกิจภายในประเทศขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของการใช้จ่ายในภาครัฐได้มีการปรับปรุงแนวคิดค่าใช้จ่ายให้มีความต่อเนื่อง โดยการใช้พระราชบัญญัติในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างความต่อเนื่องในการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมถึงการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน”
นายกิตติรัตน์ยอมรับว่า ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปรุนแรงกว่าที่คาดไว้ ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยต่ำกว่าที่ประมาณการไว้มาก ทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคตไม่สามารถพึ่งการส่งออกเพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป
ส่วนการเก็บรายได้ของประเทศ รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเพิ่มอัตราภาษีแต่จะขยายฐานภาษีให้กลุ่มที่ยังไม่เสียภาษีให้เข้ามาในระบบให้ถูกต้อง ส่วนการใช้จ่ายรัฐบาลเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่าย โดยเฉพาะงบลงทุนจะต้องให้มีการเบิกจ่ายได้ตั้งแต่งบประมาณมีผลบังคับใช้