ไทยพาณิชย์ยันสินเชื่อบุคคลยังมีคุณภาพดี แม้จะมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าระบบ ไม่มีสัญญาณผิดนัดเพิ่ม มั่นใจขั้นตอนบริหารความเสี่ยงดีพอ มีเอ็นพีแอลแค่ 1.6% พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ “เซกเมนเตชัน มาร์เกตติ้ง” เปิดตัว SCB FIRST Privilege Banking เจาะลูกค้ากลุ่ม Affluent ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าตัว
นายญนน์ โภคทรัพย์ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB)เปิดเผยว่า จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความเป็นห่วงกรณีของสินเชื่อบุคคลที่มีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก และมีสัญญาณการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้นว่า ในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์ ยังไม่เห็นถึงสัญญาณดังกล่าว โดยที่ผ่านมา ธนาคารก็ได้ทำตามกฎระเบียบของ ธปท.อย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว และปัจจุบันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อบุคคลธนาคารอยู่ที่ระดับ 1.6%เท่านั้น
“ในช่วงที่ผ่านมา อาจจะมีปัญหาในช่วงหลังน้ำท่วม แต่ธนาคารก็ได้มีการเข้าไปช่วยเหลือ หลังจากนั้น ส่วนใหญ่ก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่ทางธนาคารเองก็มีระบบวิเคราะห์ความเสี่ยงที่รัดกุม ประกอบกับกลุ่มลูกค้าส่วนบุคคลของธนาคารไม่ได้ลงไปลึกถึงรายย่อยมากนัก และขณะนี้ ก็ยังไม่เห็นสัญญาณอะไรที่จะบ่งถึงหนี้เสียที่น่าเป็นห่วง”
ทั้งนี้ สินเชื่อบุคคลของธนาคารในช่วง 9 เดือนที่ผ่าน มาเติบโตได้ 22-23% ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และความเชื่อมั่นภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยสินเชื่อบุคคล 9 เดือนของทั้งระบบที่เติบโต 18% และสินเชื่อภาคเอกชนเติบโต 12.5% และในปีหน้า ก็คาดว่าจะยังสามารถเติบโตได้ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้ จากนโยบายในหลายๆ เรื่องที่เอื้ออยู่ เช่น การปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สินเชื่อของธนาคารจะเติบโตได้สูงกว่าระบบประมาณ 2-3%
เจาะลูกค้ากลุ่ม Affluent
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสานต่อความสำเร็จยุทธศาสตร์ลูกค้าบุคคล ภายใต้แนวคิด “เซกเมนเตชัน มาร์เกตติ้ง” ธนาคารได้เปิดตัว “SCB FIRST Privilege Banking” รองรับลูกค้ากลุ่ม Affluent ซึ่งเป็นลูกค้าที่มีเงินฝาก เงินลงทุน หรือเบี้ยประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ด้วยบริการที่ปรึกษาทางการเงิน และการลงทุนส่วนบุคคล (SCB FIRST Wealth Consultant) ที่มาพร้อมกับโซลูชันทางการเงินที่ครบวงจร ทั้งผลิตภัณฑ์ และบริการที่ออกแบบจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก พร้อมมอบความสะดวกสบายด้วยบริการพื้นที่รับรองพิเศษ SCB FIRST Lounge แห่งแรกของเมืองไทย ตั้งอยู่ชั้น 3 สยามพารากอน
พร้อมกันนั้น ลูกค้า SCB FIRST ยังจะได้รับเอกสิทธิ์ด้านไลฟ์สไตล์ต่างๆ ซึ่งคัดสรรและพัฒนาจากการทำสำรวจความต้องการของกลุ่มลูกค้า ครอบคลุมด้านท่องเที่ยวเดินทาง กับสิทธิพิเศษอัปเกรดชั้นโดยสารสูงขึ้น 1 ระดับในเส้นทางเอเชีย (Flight Upgrade) ด้านสุขภาพ กับบริการนวดแผนไทย 12 ครั้ง/ ปี ที่ Health Land และบริการฟิตเนสที่ 3 โรงแรมชั้นนำ และด้านบันเทิง ที่จะมอบประสบการณ์ความบันเทิงสุดประทับใจตามไลฟ์สไตล์เฉพาะตัวก่อนใคร ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตจากนักร้องชื่อดัง ละครเวที โชว์พิเศษ และความบันเทิงอื่นๆ อีกมากมาย
“ปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าของธนาคารจำนวน 13 ล้านคน ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่อย่างชัดเจน ได้แก่ Mass, Affluent และ Private ซึ่งในครั้งนี้เราได้สร้างสรรค์ “SCB FIRST” ขึ้นเพื่อทำตลาดกลุ่มลูกค้า Affluent ซึ่งจะมาเป็นตัวเชื่อมโยงให้เกิดความต่อเนื่องระหว่างธนาคาร และลูกค้าทุกกลุ่ม โดยคาดว่าบริการทางการเงินรูปแบบใหม่นี้จะช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของฐานลูกค้าปัจจุบันซึ่งมีอยู่ประมาณ 2-3 แสนคน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มจำนวน SCB FIRST Lounge 30 แห่ง ภายในปีหน้า และทยอยเป็น 100 สาขาในอนาคต โดยกระจายอยู่ตามพื้นที่สำคัญๆ ของเมืองไทย”