“ชาติศิริ” ลั่นไม่รู้สึกกังวล “ธ.กรุงเทพ” เสียแชมป์ธนาคารอันดับ 1 ของประเทศ ยันไม่มีแนวคิดที่จะซื้อกิจการเพื่อให้ธุรกิจโตแบบก้าวกระโดด แต่จะเน้นการเติบโตจากภายในออกไป เผยมีเงินกองทุนขั้นที่ 1 สูงสุดในระบบ และเป็นเม็ดเงินที่มีเสถียรภาพที่สุด พร้อมมั่นใจสินเชื่อปี 55 โตตามเป้า 6-7%
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวถึงผลการจัดลำดับธนาคารพาณิชย์ของไทย โดยยืนยันว่า ตนเองไม่ห่วงว่าธนาคารกรุงเทพจะถูกธนาคารแห่งอื่นแซงการเป็นธนาคารอันดับ 1 ของประเทศ แม้ยอมรับว่าธนาคารยังให้ความสำคัญกับการจัดลำดับ (ranking) แต่ก็จะต้องเติบโตด้วยความสามารถของธนาคารเอง
นายชาติศิริ มั่นใจว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 6-7% ส่วนแนวโน้มปี 2556 ธนาคารอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อวางเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อ แต่ในเบื้องต้นประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าน่าจะขยายตัวใกล้เคียงปีนี้ที่ระดับ 5%
อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของตลาดโลกยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป แม้หลายปัจจัยจะคลี่คลายลงบ้างแล้ว เช่น เศรษฐกิจจีนที่จะมีการวางแนวทางการบริหารประเทศชัดเจนขึ้น ขณะที่ไทยมีแผนการลงทุน โดยเฉพาะในโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่จะเห็นชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปี 2556 ซึ่งจะช่วยปรับเปลี่ยนพื้นฐานเศรษฐกิจพอสมควร และเป็นผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
นายชาติศิริ กล่าวยืนยันว่า ธนาคารกรุงเทพไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อรองรับการปรับตัวตามเกณฑ์กำกับดูแลใหม่ภายใต้เกณฑ์บาเซิล 3 (Basel III) เนื่องจากปัจจุบัน ธนาคารมีเงินกองทุนขั้นที่ 1 สูงถึง 13% ซึ่งถือว่าสูงสุดในระบบธนาคารพาณิชย์ไทย และธนาคารไม่ได้มีแนวคิดที่จะซื้อกิจการใดๆ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตโดยเร็ว แต่จะเน้นการเติบโตจากภายในออกไป
“ผมไม่ได้คิดเรื่องเพิ่มทุน เพราะเรามีเงินกองทุนขั้นที่ 1 สูงสุดในระบบ ไม่อันดับ 1 ก็อันดับ 2 และเรามีเงินทุนที่เสถียรภาพที่สุด ไม่คิดที่จะซื้อกิจการเพื่อให้เราโตก้าวกระโดด แต่เราขอโตแบบเรื่อยๆ ดีกว่า”
สำหรับแผนการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ อายุ 10 ปี วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท และสำรองอีก 1 หมื่นล้านบาท จะช่วยเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่ 2 อีก 0.50% จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2% นายชาติศิริ มองว่า ขณะนี้สภาพตลาด และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับเหมาะสม โดยการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อสร้างฐานเงินระยะยาว ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจของธนาคารในอนาคต
ส่วนการปรับตัวรองรับการแข่งขันของสถาบันการเงินในอนาคตนั้น นายชาติศริ มองว่า ธนาคารมีการพัฒนาระบบงาน พัฒนาบุคลากร และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ขณะเดียวกัน จะมีการสร้างสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และการเป็นพันธมิตรที่ดี
ปัจจุบัน ธนาคารกรุงเทพมีสำนักงานตัวแทน 26 แห่งใน 13 ประเทศ และเตรียมเปิดสาขาในประเทศแถบอาเซียนอีก 2 แห่ง เพื่อสนองความต้องการของลูกค้า และเสนอบริการที่ให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งการขยายธุรกิจในภาคการส่งออก การสร้างสำนักงานขายเพื่อขยายธุรกิจ หรือการสร้างโรงงานในประเทศอาเซียน
“การแข่งขันธุรกิจแบงก์ในปีหน้าก็ยังมีสูง เราก็ใช้ความรู้ ความสามารถ บริการต่างๆ ที่สามารถให้บริการแก่ลูกค้า ทั้งรายย่อย รายกลาง รายใหญ่ เราก็จะรักษาตำแหน่ง (position) ไว้อย่างเต็มที่ แต่ลูกค้าบุคคลต้องปรับปรุงเพิ่มเติม เรามีหลายส่วนที่เราเป็นผู้นำ และทำได้ดี แต่ก็มีหลายอย่างต้องปรับปรุงตลอดเวลา”