อสังหาฯ น้องใหม่ “แอล แอนด์ ที แอสเสท” ผุดคอนโดมิเนียมโลว์ ไรส์ “วีคอนโด” เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา มูลค่า 2,100 ล้านบาท แจงยอดขาย 41% หรือกว่า 800 ล้านบาทแล้ว คาดปิดการขายไตรมาส 2 ปี 56 ก่อสร้างแล้วเสร็จปี 57
นายทศพล วชิรเดชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล แอนด์ ที แอสเสท จำกัด (ผู้บริหารที่ปลุกปั้น “เซียร์ รังสิต” จนติดตลาด) ได้ร่วมกับกลุ่มเพื่อน ซึ่งเป็นผู้บริหารจากบริษัทเอกชนอีก 2 แห่งได้ร่วมทุนจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทดังกล่าวขึ้นมา และได้ซื้อที่ดินเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา จำนวน 19 ไร่ เข้ามาในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ ต่อมา ได้ทำการศึกษาความเหมาะสมของที่ดินแปลงดังกล่าวว่าจะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยประเภทใด ซึ่งจากการสำรวจ และวิจัยความต้องการของผู้บริโภคในรัศมี 5 กิโลเมตร พบว่า ผู้บริโภคในพื้นที่ตอบรับกับคอนโดมิเนียมมากที่สุด
ดังนั้น จึงตัดสินใจว่าจ้างบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เข้ามาทำตลาด และบริหารการขาย รวมถึงเป็นที่ปรึกษาการลงทุนในการพัฒนาโครงการ วี คอนโดมิเนียม โดยวางกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่อายุ 25-35 ปี ในย่านรามอินทรา และวัชรพลเป็นหลัก ซึ่งหลังจากสำรวจความต้องการของลูกค้ากลุ่มดังกล่าวพบว่า ทำเลที่ตั้งโครงการ และราคาขายเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อโครงการห้องชุดในย่านดังกล่าว โดยราคาขายที่ลูกค้ามีความสามารถอยู่ที่ 1-2 ล้านบาท
จากผลวิจัยดังกล่าว บริษัทจึงออกแบบและพัฒนาโครงการห้องชุดแบ่งออกเป็น 3 ขนาด คือ ห้องชุดสตูดิโอขนาด 24.86-33.21 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 12.9-2.21 ล้านบาท ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 32-37 ตร.ม.ราคาเริ่มต้น1.71-2.26 ล้านบาท ห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 43-48 ตร.ม.ราคา 2.36-3.23 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวก่อสร้างบนพื้นที่ 11 ไร่ เป็นอาคารสูง 8 ชั้น 5 อาคาร จำนวน 1,168 ยูนิต มูลค่ารวม 2,100 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 800 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของมูลค่าโครงการ
สำหรับโครงการดังกล่าวตั้งเป้าว่าจะปิดการขายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2557 โดยได้รับเงินกู้จากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด ทั้งนี้ ในช่วงเปิดขายโครงการดังกล่าวบริษัทได้จัดทำแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองซื้อห้องชุดในโครงการ โดยลูกค้าที่จองซื้อห้องชุดสตูดิโอ วางเงินจองเพียง 5,000 บาท และห้องชุด 1 ห้องนอน วางเงินจอง 10,000 บาท และห้องชุด 2 ห้องนอน เงินจอง 20,000 บาท ซึ่งลูกค้าที่จองห้องชุดทั้ง 3 แบบวางเงินดาวน์เพียง 7% แบ่งชำระเป็น 22 เดือน
“ส่วนที่ดินที่เหลืออีก 8 ไร่เศษ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะพัฒนาเป็นสินค้าประเภทใด ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะพัฒนาเป็นคอมมูนิตีมอลล์ หรือที่อยู่อาศัย”