xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ เชื่อ HMPRO เติบโตแข็งแกร่งใน Q4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


    HMPRO …. แนวโน้มการเติบโตระยะยาวของบริษัทยังคงชัดเจน โดยมีปัจจัยหนุนมาจากแผนการขยายธุรกิจเชิงรุก และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในต่างจังหวัด (ควบคู่ไปกับมาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้น) ซึ่งสร้างอุปสงค์ใหม่ๆ สำหรับสินค้าตกแต่งบ้านได้อย่างต่อเนื่อง

    บล.บัวหลวง จัดทำบทวิเคราะห์ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ว่า...จุดเข้าซื้อที่ดีหลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/55

เป็นไปตามคาด
    HMPRO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/55 ที่ 620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากปีที่แล้วและ 5% จากไตรมาสก่อนหน้า ผลประกอบการออกมาตามที่คาด แต่ต่ำกว่าประมาณการตลาด 4% ประเด็นหลักจากผลประกอบการยอดขายเติบโต 19% จากปีที่แล้วมาอยู่ที่ 8.46 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการของเราเล็กน้อย เนื่องจากผลการดำเนินงานของสาขาใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าคาด อัตราการเติบโตของยอดขายของสาขาเดิม

สำหรับไตรมาส 3/55 ยังคงชะลอตัวที่ 2.5% ต่ำกว่าที่รายงานในไตรมาส 2/55 ที่ 2.7% เนื่องจากลูกค้ามีความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมที่อาจกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง และการแย่งลูกค้ากันเองของสาขาในพื้นที่บางนา และหาดใหญ่ อย่างไรก็ดี การแย่งลูกค้ากันเองนี้ลดลงมาอยู่ที่ 20% ในไตรมาส 3/55 จาก 30% ในไตรมาส 2/55

    อัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าที่เราคาดไว้ โดยขยายตัวเพียง 0.08% จากปีที่แล้วมาอยู่ที่ 26.34% ในไตรมาส 3/55 ผลกระทบจากสัดส่วนที่สูงขึ้นของสินค้าที่เป็นเจ้าของแบรนด์เอง (เพิ่มจาก 18.6% ในไตรมาส 3/54 เป็น 19.6% ในไตรมาส 3/55) ถูกกลบด้วยผลกระทบจากการทำโปรโมชันอย่างหนักเพื่อที่จะกระตุ้นยอดขาย รวมถึงยอดขายอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วมซึ่งมีกำไรสูงนั้นลดลง

แนวโน้ม
    เราคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/55 จะเติบโตแข็งแกร่ง โดยมีปัจจัยหนุนจากการดำเนินงานที่กลับมาฟื้นตัวดี และผลกระทบจากฐานที่ต่ำจากเหตุอุทกภัยในไตรมาส 4/54 อัตราการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมน่าจะฟื้นกลับมาที่ประมาณ 7% ตามความต้องการปรับปรุงบ้านที่เริ่มกลับมาหลังฤดูฝน นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นก็มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวดีอีกครั้งเนื่องจากการให้ส่วนลดที่ลดลงในช่วงของฤดูกาลสำหรับการจับจ่ายใช้สอย โดยเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิ และราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2556 ไว้เท่าเดิม

คำแนะนำ
    เราเชื่อว่าหุ้น HMPRO เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในไตรมาส 4/55 โดยตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ความต้องการสินค้าเพื่อการปรับปรุง และตกแต่งบ้านได้เริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว ราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลง 1.4% และปรับตัวได้แย่กว่าตลาดที่ 9.4% ในมุมมองของเราราคาหุ้นในขณะนี้ถือว่าเป็นจุดเข้าซื้อที่ดี แนวโน้มการเติบโตระยะยาวของบริษัทยังคงชัดเจน โดยมีปัจจัยหนุนมาจากแผนการขยายธุรกิจเชิงรุก และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในต่างจังหวัด (ควบคู่ไปกับมาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้น) ซึ่งสร้างอุปสงค์ใหม่ๆ สำหรับสินค้าตกแต่งบ้านได้อย่างต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น