นักธุรกิจเชื่อเศรษฐกิจไทยปี 56 ขยายตัวจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทมีความชัดเจนมากขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจในระยะต่อไป
น.ส.สมพิศ เจริญเกียรติกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความเสี่ยง ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจไตรมาส 1/2556 ซึ่งฝ่ายวิจัยความเสี่ยงธุรกิจได้สำรวจความเชื่อมั่นของนักธุรกิจทั่วประเทศกว่า 2,200 ราย พบว่านักธุรกิจส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจและธุรกิจโดยรวมจะยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี เนื่องจากดัชนียังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 50 โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท มีความชัดเจนมากขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากระดับ 55.58 ในไตรมาส 4 ปี 2555 เป็นระดับ 54.98 เนื่องจากนักธุรกิจกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะวิกฤตหนี้ยุโรปที่ปะทุขึ้นอีกครั้งในประเทศไซปรัส รวมทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาและรายได้จากการส่งออก นอกจากนี้ ภาวะภัยแล้งและการแข่งขันในธุรกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้น นับเป็นปัจจัยลบต่อความเชื่อมั่นด้วย
น.ส.สมพิศกล่าวอีกว่า ผู้ส่งออกส่วนใหญ่ของไทยยังต้องนำเข้าวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้าส่งออก ดังนั้น เงินบาทที่แข็งค่าจะมีส่วนช่วยลดต้นทุนการนำเข้า หรือเป็นการ Natural Hedge ได้บางส่วน แต่ผู้ส่งออก กลุ่มเอสเอ็มอีที่มีการประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย รวมทั้งธุรกิจส่งออกที่ใช้วัตถุดิบส่วนใหญ่ในประเทศ ซึ่งไม่ได้รับประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาทอาจได้รับผลกระทบ เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร อาหาร ผู้ส่งออกข้าว อ้อย ยางพารา และสินค้าตกแต่งบ้าน