เอ็มดีใหม่ “ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งฯ” มั่นใจ 3 ปีจากนี้บริษัทเติบโตเฉลี่ย 15-20% ดันรายได้ปี55 แตะ 1.8 หมื่นล้าน จากมูลค่างานในมือถึง 7 หมื่นล้าน ที่ทยอยรับรู้ต่อเนื่อง 3-4 ปี สร้างนิวไฮทั้งรายได้-กำไร ยืนยันเดินหน้ารับงานทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะงานโครงสร้างพื้นฐาน
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC) เปิดเผยถึงแผนงานในการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่อจากนี้ ว่า ในภาพรวมบริษัทยังเดินหน้ารับงานในประเทศ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ซึ่งปัจจุบันยังเป็นการรับงานในภาครัฐ 60-70% ที่เหลือเป็นภาคเอกชน ส่วนความสนใจขยายธุรกิจเข้าไปรับงานในประเทศเพื่อนบ้าน ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นของการศึกษา และประเมินโอกาสในการเข้ารับงานเท่านั้น
“บริษัทยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจก่อสร้างทั้งงานด้านโยธา และด้านเครื่องกล โดยเฉพาะในส่วนของภาครัฐจะเน้นในโครงการระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เช่น ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ถนน ทางด่วน สะพาน และอาคารขนาดใหญ่ ส่วนภาคเอกชนจะเน้นงานที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน และอุตสาหกรรม เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม”
ทั้งนี้ ประเมินว่าตลาดก่อสร้างในปี 2556 จะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ เนื่องจากจะมีการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่ครึ่งปีแรก (ปี 2555) ยังมีออกมาน้อย และจากการลงทุนขยายการผลิตในภาคอุตสาหกรรม และภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ผู้ประกอบการจำนวนมากยังแข่งขันกันสูงในบางตลาด แต่สำหรับ STEC ยืนยันยังไม่มีนโยบายมุ่งเน้นรับงานจำนวนมาก แต่ผลประกอบการออกมาไม่ดีนัก โดยยังคงมุ่งเน้นรับงานที่มีคุณภาพ และสร้างผลตอบแทนได้ดี
ทำให้ STEC ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ 15-20% ต่อปีในระยะ 3 ข้างหน้า จาก ณ สิ้นปี 2555 ที่บริษัทคาดว่าจะมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณกว่า 60,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ และกำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้ทำสถิติใหม่ (นิวไฮ) อย่างแน่นอน
“ขณะนี้เรามี backlog สูงสุดเกือบ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า และในปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ราว 1.8 หมื่นล้านบาท”
สำหรับนโยบายของกรรมการผู้จัดการ STEC คนใหม่ที่มอบให้แก่พนักงานเมื่อเริ่มเข้ามารับตำแหน่งใหม่ให้เร่งปฏิบัตภายใน 3 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นปี 2555 ว่า 1.เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเพิ่มขึ้นทุกปีด้วยการเทรนนิ่ง 2.ใช้เครื่องจักรทดแทนแรงงาน รวมถึงเริ่มศึกษาการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน รวมถึงตั้งศูนย์ฝึกฝีมือแรงงานเหล่านั้น 3.หาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เนื่องจากชิโนไทยมีสภาพคล่องทางการเงินมาก จึงจะเริ่มมองหาการลงทุนทางธุรกิจใหม่ ที่ยังคงเกี่ยวข้องกับงานที่ชินโนไทยถนัด และ 4.เดินหน้านโยบาย CSR เพื่อหาทางตอบแทนสังคม ที่มีไม่การตลาดมาเจือปน เช่น การสร้างโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล และการบริจาคการกุศลในวาระที่ประเทศชาติ ประชาชนต้องการ