xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.ไม่ออกมาตรการใหม่แม้ห่วงหนี้ค้างชำระเริ่มพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบงก์ชาติชี้ขณะนี้ยังไม่จำเป็นใช้มาตรการ Macro prudential มาดูแลภาคสถาบันการเงิน แม้สินเชื่อส่วนบุคคลอื่นๆ เร่งตัวสูงต่อเนื่องช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 25,000 บาท เริ่มค้างชำระเกิน 1 เดือน ขณะเดียวกัน ยืนยันยังคงให้กำหนดให้ผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ใช้หลักเกณฑ์ LTV ในวันที่ 1 ม.ค.56

กรณีที่ธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลอื่นๆ ในอัตราการเร่งสูงต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งภาคครัวเรือนในกลุ่มที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลางที่มีรายได้น้อยกว่า 25,000 บาทต่อเดือน เริ่มเห็นความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น โดยมียอดหนี้ค้างชำระเกิน 1 เดือนกับบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มีใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) มากขึ้นเช่นกัน และหากต่อไปเศรษฐกิจโลกมีปัญหาลามก็อาจกระทบมายังเศรษฐกิจไทยได้ ซึ่งกระทบต่อความสามารถชำระหนี้น้อยลงนั้น

นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายความเสี่ยง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ทางสายนโยบายสถาบันการเงินยังไม่เห็นความจำเป็นต้องใช้มาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงิน เพื่อช่วยดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ (Macro prudential) แต่ถ้าจำเป็นที่เริ่มเห็นความเสี่ยง ธปท.สามารถนำหลักเกณฑ์ที่มีใช้ในปัจจุบันมาปรับปรุงใช้ดูแลภาคสถาบันการเงินได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ธปท.ได้เตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว

“หากสถานการณ์มีความจำเป็น แบงก์ชาติสามารถหยิบมาตรการที่มีอยู่ในกระเป๋ามาใช้ได้ ซึ่งก็มีช่องว่างขยับได้อยู่แล้ว ยกตัวอย่างการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ สามารถปรับปรุงหลักเกณฑ์อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ได้ แต่ยืนยันขณะนี้ยังไม่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น” ผู้อำนวยการอาวุโส ธปท.กล่าว

นายสมบูรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 1 ม.ค.56 ธปท.ยังคงจะนำหลักเกณฑ์ LTV มาบังคับใช้กับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ที่มีราคาซื้อขายต่ำกว่า 10 ล้านบาท หลังจากเลื่อนการใช้มาตั้งแต่ต้นปี 55 ที่ผ่านมา จากปัญหาน้ำท่วม ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบได้รับความเสียหาย และมียอดขายน้อยลง โดยมองว่า การขยับมาใช้หลักเกณฑ์นี้จะไม่สร้างปัญหาให้ผู้กู้ซื้อบ้าน เพราะกำหนดให้ผู้กู้ต้องมีเงินดาวน์ 5% และที่เหลืออีก 95% กู้เงินกับธนาคารพาณิชย์ได้ จึงเป็นแค่ปรับหลักเกณฑ์เพียงเล็กน้อยในแง่ของความรู้สึกเท่านั้น อีกทั้งหลักการที่ดีควรออมก่อนใช้

อย่างไรก็ตาม อัตรา LTV ของไทยไม่ได้เข้มงวดมากนัก ต่างกับประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ที่ภาคอสังหาริมทรัพย์มีตัวเลขค่อนข้างเติบโตสูง ทำให้หลักเกณฑ์ LTV บังคับใช้กับอสังหาริมทรัพย์ในหลายราคา ซึ่งส่วนใหญ่จะให้กู้สถาบันการเงิน 60-70% ที่เหลืออีก 40% จะเป็นเงินดาวน์ของตัวเองด้วย นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ก็มีอะลุ่มอล่วยให้แก่ลูกค้าในการขอยอดสินเชื่อเพิ่มขึ้น เช่น ค่าตกแต่ง หรือเงื่อนไขบางประเด็น ดังนั้น ขณะนี้การยืดหยุ่นของธนาคารให้แก่ลูกค้ายังอยู่ในระดับที่รับได้ ถือเป็นศิลปะในการดูแลสถาบันการเงินของ ธปท.เช่นกัน เพราะหากถึงเวลาเกิดอะไรขึ้นมาลูกค้า และธนาคารพาณิชย์ไม่ลำบากมากนัก
กำลังโหลดความคิดเห็น