ธปท. ส่งสัญญาณ ศก. ปีหน้า “ค่าเงินบาท” เสี่ยงผันผวนสูง เชื่อไทยรับมือได้ โดยใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย พร้อมระบุ ศก.ในประเทศต้องพึ่งพาการบริโภคให้มากขึ้น เพื่อชดเชยการส่งออกที่ชะลอตัวลง ลั่นพร้อมใช้นโยบายการเงินดูแลค่าเงินบาท หากถูกโจมตีเหมือนฮ่องกง
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยจะยังคงมาจากปัจจัยภายนอกประเทศมากกว่าภายในประเทศ โดยในปีหน้าคาดว่า เศรษฐกิจไทย จะต้องพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อชดเชยการส่งออกที่ชะลอตัวลงจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายที่มีแนวโน้มจะผันผวนมากขึ้นในระยะต่อไป และจะทำให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนมากขึ้น แต่เชื่อว่าในส่วนของประเทศไทยนั้น จะสามารถรับมือจากปัญหาต่างๆ ได้ โดยการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ซึ่งทางภาคเอกชน และผู้ส่งออกจะต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ส่วนกรณีที่มีเงินทุนไหลเข้าฮ่องกงเป็นจำนวนมาก ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงแข็งค่าขึ้น จนธนาคารกลางฮ่องกงต้องเข้าแทรกแซงว่า ธปท.ได้ติดตามสถานการณ์การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ เพราะผลจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐ (คิวอี3) ทำให้ทุกประเทศต้องเผชิญกับปัญหาเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่ง ธปท.พร้อมพิจารณาถึงความจำเป็นว่าต้องใช้นโยบายการเงินดูแลอัตราแลกเปลี่ยนแค่ไหน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากค่าเงินบาทของไทยมีการบริหารจัดการแบบยืดหยุ่น ไม่ใช่อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ ดังนั้นการบริหารจึงมีความยืดหยุ่นมากกว่าสามารถปรับเปลี่ยนตามแรงกดดันได้มากขึ้น ขณะที่เงินดอลลาร์ฮ่องกง มีการกำหนดค่าเงินกับเงินดอลลาร์สหรัฐแบบตายตัว เมื่อเงินทุนไหลเข้ามาก ธนาคารกลางฮ่องกงก็จำเป็นต้องเข้าแทรกแซงเพื่อรักษาค่าเงินให้อยู่ในอัตราเดิม
ทั้งนี้ ภาคเอกชนและธุรกิจต้องมองไปข้างหน้าว่าเงินทุนเคลื่อนย้ายจะมีความผันผวน ดังนั้นต้องบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ