ส.อ.ท.มองแนวโน้มค่าเงินบาทไทยจะแข็งค่าขึ้นหลังสหรัฐฯออกมาตรการ QE3 หวังธปท.ดูแลค่าเงินให้เกาะกลุ่มประเทศต่างๆในภูมิภาคแบบท้ายๆ กลุ่มเพื่อเพิ่มการแข่งขันด้านส่งออก
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนโดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ควรติดตามสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิดหลังจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาได้ออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) เนื่องจากจะเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทของไทยมีทิศทางแข็งค่าขึ้นอีก ดังนั้นจึงต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทให้เกาะกลุ่มกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนในลำดับท้ายๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการส่งออกของไทย
“ที่ผ่านมา 1-2 ปีต้องขอชม ธปท.ที่ได้ดูแลอัตราค่าเงินบาทของไทยมาเป็นอย่างดีและเข้าใจว่าการจะทำให้ค่าบาทอ่อนค่ามากเกินไปคงเป็นเรื่องยาก และจากนี้ไปรัฐเองก็จะเข้ามาดูแลเพิ่มขึ้น เพราะทิศทางของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า ซึ่งเอกชนเห็นว่าถ้าหากจะดีก็คือเกาะกลุ่มในลำดับท้ายๆ ก็จะดีต่อการส่งออก” นายพยุงศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะยังคงมีทิศทางที่ตกต่ำมากกว่าในปีนี้อีก แต่จะมากน้อยเพียงใดก็คงจะต้องดูมาตรการ QE 3 และการดูแลเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป หรืออียู ว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวได้มากน้อยเพียงใดด้วย ดังนั้น เอกชนและทุกภาคส่วนควรจะต้องเตรียมพร้อมรองรับกับการเปลี่ยนแปลง โดยสิ่งที่เป็นห่วงคือเอสเอ็มอีที่ส่งออกจะต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจโลกแล้วยังต้องเผชิญกับภาวะค่าแรงงานขั้นต่ำที่จะปรับเป็น 300 บาทต่อวันทั่วประเทศมีผล 1 ม.ค. 2556 ด้วย ดังนั้นคงจะต้องหารือกับรัฐบาลที่จะช่วยหามาตรการเข้ามาดูแล