บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มหุ้นกลุ่มธนาคาร (มากกว่าตลาด) ว่า Momentum การเติบโตของกำไรเริ่มชะลอตัว คาดกำไร 4Q55 อ่อนตัวลง แต่กำไรทั้งปียังเติบโตแข็งแกร่ง
ประเด็นการลงทุน : ผลการดำเนินงาน 3Q55 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ค่อนข้างทรงตัวจาก 2Q55 แต่ยังคงเติบโตสูง 23%yoy โดย KTB, KK รายงานกำไรดีกว่าตลาดคาด ขณะที่ TCAP, BBL กำไรต่ำกว่าที่ตลาดคาด เราคาดกำไร 4Q55 จะชะลอลงจากผลของฤดูกาล การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์น่าจะส่งผลลบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย แต่ไม่มากนัก โดยภาพรวมกำไรทั้งปี 55 ยังน่าจะเติบโตสูง 30% และเราคาดโตต่อเนื่องอีก 23% ในปี 56 เรายังคงน้ำหนัก Overweight หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเลือก KTB เป็นหุ้น Top pick สำหรับการลงทุนระยะยาว และเลือก SCB, TCAP, KK เป็นหุ้น Momentum play ในระยะกลาง 3-6 เดือน
Momentum การเติบโตของกำไรชะลอตัวลงใน 3Q55 : กลุ่มธนาคารพาณิชย์รายงานกำไรสุทธิรวม 44,256 ล้านบาท ใน 3Q55 เติบโต 1%qoq และ 23%yoy โดยธนาคารที่ผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด คือ KTB และ KK ขณะที่ TCAP และ BBL รายงานกำไรต่ำกว่าที่ตลาดคาด สินเชื่อเติบโตต่อเนื่อง 3.0%qoq โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ยังคงเป็นกลุ่มหลักที่ผลักดันการเติบโต ขณะที่ NIM ทรงตัวจาก 2Q55 ด้านรายได้ค่าธรรมเนียม และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตเล็กน้อย ขณะที่ Cost-to-income ratio ปรับลดลงเล็กน้อย กำไรก่อนการตั้งสำรอง (PPOP) เติบโต 4%qoq และ 10%yoy อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายทางภาษีที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 2Q55 เป็นประเด็นที่กดดันกำไรในไตรมาสนี้ ด้านค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองทรงตัวจากไตรมาสก่อน ขณะที่ NPLs ยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมกำไร 9M55 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เติบโต 18%yoy แม้ว่ากำไรใน 3Q55 จะเริ่มเห็น Momentum การเติบโตที่ชะลอตัวลง
คาดกำไร 4Q55 อ่อนตัวลง แต่กำไรทั้งปียังเติบโตแข็งแกร่ง : ผลการดำเนินงาน 9M55 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะคิดเป็น 77% ของประมารการกำไรทั้งปี 55 ซึ่งเราคาดว่าแนวโน้มผลกำไรใน 4Q55 จะอ่อนตัวลงจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามผลของฤดูกาล รวมทั้งคาดว่า KTB จะมีการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติม สำหรับทั้งปี 55 เราคาดกำไรเติบโตสูง 30% และจะยังคงเติบโตต่อเนื่องอีก 23% ในปี 56 ผลักดันโดยการเติบโตของสินเชื่อที่ยังคงแข็งแกร่ง จาก Momentum ของสินเชื่อรายย่อยที่ยังคงดีต่อเนื่อง, การลงทุนภาครัฐที่คาดจะเริ่มเร่งตัวมากขึ้น รวมทั้งการขยายการลงทุนภาคเอกชนเพื่อรองรับการเปิด AEC ในปี 2015 ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมคาดขยายตัวดีตามการเติบโตของสินเชื่อ นอกจากนี้ การปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงสู่ 20% ในปีหน้าจะเป็นอีกปัจจัยผลักดันการเติบโตของกำไรสุทธิ
ประกาศลดดอกเบี้ยเป็นลบต่อธนาคารใหญ่ แต่ไม่มาก : หลังจาก กนง. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (RP-1 วัน) ลง 0.25% เป็น 2.75% เมื่อ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุด BBL และ SCB ประกาศปรับลดตาม โดยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125% และลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำลง 0.10-0.55% แต่ยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ไว้ที่ระดับ 0.75% เราประเมินผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้พบว่า จะส่งผลลบต่อธนาคารขนาดใหญ่ แต่ส่งผลบวกต่อธนาคารขนาดเล็กที่เน้นการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบโดยรวมถือว่าไม่มีนัยสำคัญไม่ถึง 1% ของประมาณการกำไรทั้งปี 56
คงน้ำหนัก “มากกว่า” ตลาด แต่เน้นกลยุทธ์ Selective Buy เป็นหลัก : เรายังคงมุมมอง “เป็นบวก” สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จากภาพรวมการเติบโตของผลการดำเนินงานที่ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง และสถานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ต้นปีหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างโดดเด่น (+33% เทียบกับ SET +27%) ซึ่งสะท้อนภาพเชิงบวกการเติบโตของผลการดำเนินงานที่โดดเด่นไปพอสมควร ขณะที่ในช่วงสั้นเริ่มมีปัจจัยที่เป็นลบต่อ sentiment การลงทุนมากขึ้น ทั้ง Momentum กำไรที่เริ่มชะลอตัว และการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในแง่กลยุทธ์การลงทุน เราจึงเน้น Selective buy เป็นหลัก โดยเรายังคงเลือก SCB, TCAP และ KK เป็นหุ้น Top pick สำหรับการลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน) จาก Momentum การเติบโตของสินเชื่อรายย่อยที่ยังคงโดดเด่นต่อเนื่อง ขณะที่เราเลือก KTB เป็นหุ้นเด่นสำหรับการลงทุนในระยะยาว (1-2 ปี) จากความคาดหวังการเร่งตัวของความต้องการสินเชื่อภาครัฐ และ Valuation ที่ยังคง discount เมื่อเทียบกับกลุ่ม