แบงก์กรุงเทพตื่นรุกรายย่อย เร่งพัฒนาระบบ-ทีมงาน เน้นอนุมัติ-บริการรวดเร็ว ห่วงโดนแย่งมาร์เกตแชร์หด ส่วนธุรกิจลีสซิ่งยังไม่สน แจงมีลูกค้าทำอยู่เยอะ และถือหุ้นอยู่ในบริษัทลีสซิ่งอยู่แล้ว
นายเดชา ตุลานันท์ รองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยว่า ธนาคารมีแผนเชิงรุกในด้านธุรกิจรายย่อยเพิ่มขึ้น ทั้งทางด้านสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน โดยนขณะนี้ธนาคารยังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ และเตรียมความพร้อมของทีมงานที่จะเข้ามาดูแลในส่วนดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเพิ่มความรวดเร็วในการ พิจารณาสินเชื่อ และการให้บริการ เพื่อให้สามารถแข่งขันในระบบได้
“ปัจจุบัน ธนาคารก็มีผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 อย่างที่ว่าอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ทำการตลาดมากนัก แต่ในระยะหลัง ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่เข้ามารุกตลาดนี้กันมาก ดังนั้น ธนาคารกรุงเทพเองก็เห็นว่าถึงเวลาที่ควรกลับมาทำการตลาดใน 2 กลุ่มนี้มากขึ้น เพื่อจะสามารถรักษาระดับมาร์เกตแชร์ในกลุ่มสินเชื่อรายย่อยไว้ได้”
ด้านความเสี่ยงของสินเชื่อทั้ง 2 ประเภทนั้น หากพิจารณาด้านความเสี่ยงของกลุ่มสินเชื่อบ้าน พบว่า ค่อนข้างจะคงที่ และอยู่ในอัตราที่ต่ำ ประกอบกับระบบในการคัดกรองลูกค้าของธนาคารมีความเข้มงวดเพียงพอ ขณะที่ความเสี่ยงของกลุ่มลูกค้าสินเชื่อบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ธนาคารมีข้อมูลของลูกค้ามากพอ เพราะในเบื้องต้น ส่วนใหญ่จะมาจากฐานลูกค้าเดิม จึงเชื่อว่าจะสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ จากปัจจุบันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในกลุ่มลูกหนี้รายย่อยไม่สูงนัก และคุณภาพสินเชื่อส่วนใหญ่ยังดีอยู่ และประเมินว่าความชัดเจนของการเติบโตในกลุ่มสินเชื่อรายย่อยจะเพิ่มมากขึ้นในปีหน้า
สำหรับธุรกิจเช่าซื้อ หรือลีสซิ่งนั้น ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะเข้าไปทำธุรกิจดังกล่าว เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีผู้ดูแลที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ และต้องรวดเร็วทันต่อการเปลี่ยนแปลงของลูกค้า อีกทั้งธนาคารเองมีลูกค้าสินเชื่อที่เป็นบริษัทเช่าซื้อจำนวนมาก ดังนั้น จึงยังไม่ต้องการที่จะแข่งขันกับลูกค้าที่มีอยู่ นอกจากนี้ ธนาคารกรุงเทพก็มีหุ้นอยู่ในบริษัทลีสซิ่งหลายแห่ง ซึ่งสามารถสร้างรายได้กลับมายังธนาคารในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ปัจจุบันฐานลูกค้าของธนาคารกรุงเทพทั้งหมดมีจำนวน 18 ล้านบัญชี ส่วนบริษัท ลีสซิ่งที่ธนาคารถือหุ้นอยู่ เช่น บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK ถืออยู่ 7.35%
นายเดชา ตุลานันท์ รองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยว่า ธนาคารมีแผนเชิงรุกในด้านธุรกิจรายย่อยเพิ่มขึ้น ทั้งทางด้านสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน โดยนขณะนี้ธนาคารยังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ และเตรียมความพร้อมของทีมงานที่จะเข้ามาดูแลในส่วนดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเพิ่มความรวดเร็วในการ พิจารณาสินเชื่อ และการให้บริการ เพื่อให้สามารถแข่งขันในระบบได้
“ปัจจุบัน ธนาคารก็มีผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 อย่างที่ว่าอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ทำการตลาดมากนัก แต่ในระยะหลัง ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่เข้ามารุกตลาดนี้กันมาก ดังนั้น ธนาคารกรุงเทพเองก็เห็นว่าถึงเวลาที่ควรกลับมาทำการตลาดใน 2 กลุ่มนี้มากขึ้น เพื่อจะสามารถรักษาระดับมาร์เกตแชร์ในกลุ่มสินเชื่อรายย่อยไว้ได้”
ด้านความเสี่ยงของสินเชื่อทั้ง 2 ประเภทนั้น หากพิจารณาด้านความเสี่ยงของกลุ่มสินเชื่อบ้าน พบว่า ค่อนข้างจะคงที่ และอยู่ในอัตราที่ต่ำ ประกอบกับระบบในการคัดกรองลูกค้าของธนาคารมีความเข้มงวดเพียงพอ ขณะที่ความเสี่ยงของกลุ่มลูกค้าสินเชื่อบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ธนาคารมีข้อมูลของลูกค้ามากพอ เพราะในเบื้องต้น ส่วนใหญ่จะมาจากฐานลูกค้าเดิม จึงเชื่อว่าจะสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ จากปัจจุบันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในกลุ่มลูกหนี้รายย่อยไม่สูงนัก และคุณภาพสินเชื่อส่วนใหญ่ยังดีอยู่ และประเมินว่าความชัดเจนของการเติบโตในกลุ่มสินเชื่อรายย่อยจะเพิ่มมากขึ้นในปีหน้า
สำหรับธุรกิจเช่าซื้อ หรือลีสซิ่งนั้น ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะเข้าไปทำธุรกิจดังกล่าว เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีผู้ดูแลที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ และต้องรวดเร็วทันต่อการเปลี่ยนแปลงของลูกค้า อีกทั้งธนาคารเองมีลูกค้าสินเชื่อที่เป็นบริษัทเช่าซื้อจำนวนมาก ดังนั้น จึงยังไม่ต้องการที่จะแข่งขันกับลูกค้าที่มีอยู่ นอกจากนี้ ธนาคารกรุงเทพก็มีหุ้นอยู่ในบริษัทลีสซิ่งหลายแห่ง ซึ่งสามารถสร้างรายได้กลับมายังธนาคารในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ปัจจุบันฐานลูกค้าของธนาคารกรุงเทพทั้งหมดมีจำนวน 18 ล้านบัญชี ส่วนบริษัท ลีสซิ่งที่ธนาคารถือหุ้นอยู่ เช่น บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK ถืออยู่ 7.35%