บิ๊กแบงก์กรุงเทพยันยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน เงินกองทุนแกร่งเพียงพอต่อการปล่อยสินเชื่อ ส่วนดอกเบี้ยนโยบายระดับ 3% ถือว่าเหมาะสม แต่ห่วงดอกเบี้ยแท้จริงติดลบไม่เอื้อการออม
นายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน เพราะมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และมีกำไรต่อเนื่องทุกปี ซึ่งเพียงพอในการขยายสินเชื่อได้
ด้านนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับ 3.0% ถือว่ามีความเหมาะสมกับสถานการณ์ด้านอัตราเงินเฟ้อและแรงกดดันต่างๆ และหากไม่พบแรงกดดันที่มีผลต่อเงินเฟ้อ มองว่าน่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไว้จนถึงสิ้นปี
"ระดับเงินเฟ้อตอนนี้ทำให้ยังอยู่ในวิสัยที่คงดอกเบี้ยได้ ยังไม่มีเหตุผลที่ต้องขยับดอกเบี้ย หากไม่มีแรงกดดันอะไรทำให้มีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วเกินไป ส่วนแรงกดดันเรื่องค่าแรงซึ่งมีการปรับขึ้นไปเมื่อ 1 เม.ย. ก็เห็นว่าขอให้รัฐบาลดูไปอีก 1-2 เดือน"
**ห่วงดบ.แท้จริงติดลบฉุดออม
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับ 3% กว่า ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบอยู่ 0.3% ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อภาคการออมของประชาชน และถือว่าไม่เป็นการจูงใจให้ประชาชนเกิดการออมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันต้นทุนที่ผลักให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการสินค้าในประเทศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นทุนของตลาดโลก เช่น ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าทางรัฐบาลทราบข้อมูลและพยายามจะดูแลสถานการณ์ให้ดีขึ้น และโดยส่วนตัวเชื่อว่ากระทรวงการคลังที่เป็นผู้ดูแลด้านนโยบายการคลังของประเทศจะสามารถบริหารจัดการได้
"สถานการณ์ดอกเบี้ยแท้จริงติดลบไม่เป็นสิ่งที่ภูมิใจและไม่ได้ให้รางวัลแก่ผู้ออม ถ้ามันไปถึงจุดที่เขารู้สึกว่าเขาลำบากมากขึ้นก็ไม่จูงใจให้มีการออม ซึ่งจะเป็นภาวะที่ยากที่จะหลีกเลี่ยง ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น ทุกคนก็พยายามหาหนทางที่จะแข่งขันให้ได้ ผมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงเพราะเป็นเรื่องยาก แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีการปรับตัวไปตามความจำเป็นที่เกิดขึ้น"
นายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน เพราะมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และมีกำไรต่อเนื่องทุกปี ซึ่งเพียงพอในการขยายสินเชื่อได้
ด้านนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับ 3.0% ถือว่ามีความเหมาะสมกับสถานการณ์ด้านอัตราเงินเฟ้อและแรงกดดันต่างๆ และหากไม่พบแรงกดดันที่มีผลต่อเงินเฟ้อ มองว่าน่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไว้จนถึงสิ้นปี
"ระดับเงินเฟ้อตอนนี้ทำให้ยังอยู่ในวิสัยที่คงดอกเบี้ยได้ ยังไม่มีเหตุผลที่ต้องขยับดอกเบี้ย หากไม่มีแรงกดดันอะไรทำให้มีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วเกินไป ส่วนแรงกดดันเรื่องค่าแรงซึ่งมีการปรับขึ้นไปเมื่อ 1 เม.ย. ก็เห็นว่าขอให้รัฐบาลดูไปอีก 1-2 เดือน"
**ห่วงดบ.แท้จริงติดลบฉุดออม
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับ 3% กว่า ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบอยู่ 0.3% ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อภาคการออมของประชาชน และถือว่าไม่เป็นการจูงใจให้ประชาชนเกิดการออมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันต้นทุนที่ผลักให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการสินค้าในประเทศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นทุนของตลาดโลก เช่น ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าทางรัฐบาลทราบข้อมูลและพยายามจะดูแลสถานการณ์ให้ดีขึ้น และโดยส่วนตัวเชื่อว่ากระทรวงการคลังที่เป็นผู้ดูแลด้านนโยบายการคลังของประเทศจะสามารถบริหารจัดการได้
"สถานการณ์ดอกเบี้ยแท้จริงติดลบไม่เป็นสิ่งที่ภูมิใจและไม่ได้ให้รางวัลแก่ผู้ออม ถ้ามันไปถึงจุดที่เขารู้สึกว่าเขาลำบากมากขึ้นก็ไม่จูงใจให้มีการออม ซึ่งจะเป็นภาวะที่ยากที่จะหลีกเลี่ยง ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น ทุกคนก็พยายามหาหนทางที่จะแข่งขันให้ได้ ผมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงเพราะเป็นเรื่องยาก แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีการปรับตัวไปตามความจำเป็นที่เกิดขึ้น"
