กสิกรฯ โชว์ครึ่งปีแรกกลุ่มลูกค้ารายย่อยเติบโตได้ดีทั้งสินเชื่อ-ค่าฟีในอัตรา 6% และ 25% ตามลำดับ พร้อมเดินหน้าลุยต่อในครึ่งปีหลัง เปิดตัว K-Expert บริการที่ปรึกษาด้านการเงิน เจาะกลุ่มเป้าหมายแบบตัวต่อตัว หวังฐานลูกค้าใหม่แตะ 2 ล้านรายภายในสิ้นปี
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยถึงแนวทางในการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังของปี 2555 ว่า ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจด้านต่างๆ ไว้ตามเป้าหมายเดิม โดยในส่วนของสินเชื่อจะเติบโต 12% หรือคิดเป็นยอดคงค้างสินเชื่อรวม 2.85 แสนล้านบาท เงินฝาก และกองทุนรวมเติบโต 12% รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 25% และมียอดลูกค้าใหม่ 2 ล้านราย เป็น 11 ล้านราย
สำหรับในช่วงครึ่้งปีแรก ธนาคารผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายทุกด้าน แม้ว่าสถานการณ์การแข่งขันในกลุ่มลูกค้ารายย่อยจะยังคงมีความรุนแรงในทุกๆ ด้าน โดยยอดรวมเงินฝากและกองทุนรวม 1.91 ล้านล้านบาท เติบโตจากสิ้นปีที่แล้ว 8% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 12% แยกเป็นเงินฝากโต 7% และกองทุนโต 11%
ขณะที่สินเชื่อลูกค้ารายย่อยมียอดรวม 2.7 แสนล้านบาท เติบโต 6% จากสิ้นปี 2554 แบ่งเป็นสินเชื่อบ้านกสิกรไทย 1.9 แสนล้านบาท เติบโต 5% สินเชื่อบัตรเครดิต 4.2 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับสิ้นปีที่แล้ว สินเชื่อเงินสดทันใจกสิกรไทย (K-Express cash) และสินเชื่อบุคคลอื่นๆ มียอดรวม 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 18% และมีเอ็นพีแอลต่ำกว่าระบบอยู่ที่ 1.4%
ส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมในช่วงครึ่งปีแรก 2555 มียอดรวมกว่า 8,200 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 25% โดยรายได้ค่าธรรมเนียมหลักๆ มาจากผลิตภัณฑ์ประกัน 2,100 ล้านบาท เติบโตถึง 43% ซึ่งธนาคารกสิกรไทยมียอดรวมเบี้ยประกันใหม่ (New Business Premium) สูงสุดในตลาด โดยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 25% รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบัตรเครดิต และร้านค้ารับบัตรเครดิต 1,900 ล้านบาท เติบโต 38% โดยธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจร้านค้ารับบัตร และยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตต่อใบ และมีรายได้จากค่าธรรมเนียมจากบัตรเดบิตกว่า 1,400 ล้านบาท เติบโต 18% โดยในครึ่งปีแรกมีการออกบัตรเดบิตใหม่กว่า 1.7 ล้านใบ ทำให้ขณะนี้มีฐานลูกค้าบัตรเดบิตรวม 8 ล้านใบ
“การโตของสินเชื่อรายย่อย ส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อบ้าน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะเมื่อลูกค้าขอสินเชื่อบ้าน ธนาคารจะสามารถขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มเข้าไปได้อีกประมาณ 5 ผลิตภัณฑ์ เช่น ประกัน บัตรเครดิต เป็นต้น ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ธนาคารยังคงเป้าการดำเนินธุรกิจต่างๆ ไว้คงเดิม แม้ว่าในช่วงครึ่้งแรกของปีจะมีอัตราการเติบโตที่ดี เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น เช่น วิกฤตการณ์ในยุโรปที่เริ่มส่งผลต่อการส่งออกไทย แต่ก็เชื่อว่าผลจากยุโรปไม่น่าจะกระทบต่อรายย่อยมากนัก จึงเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งธนาคารจะเน้นส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตได้ดีมากในช่วงครึ่งปีแรก”
ทั้งนี้ ธนาคารจะยังคงดำเนินกลยุทธ์ “ยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) โดยจะเปิดตัว K-Expert ตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นผู้นำด้านที่ปรึกษาทางการเงิน ด้วยทีมงานที่ปรึกษามืออาชีพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งปัจจุบัน ธนาคารมี K-Expert อยู่จำนวน 800 คน จะในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 2,000 คน โดยใช้งงประมาณในการฝึกอบรมกว่า 100 ล้านบาท”
