ASTVผู้จัดการรายวัน - รัฐบาลถังแตกวิ่งหาเงินถมโครงการประชานิยม “อารีพงศ์” เผยเตรียมดึงเงินกองทุนนอกงบประมาณกว่าหมื่นล้านบาท เล็งกองทุนน้ำบาดาลเป็นรายแรก
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอนำเงินจากกองทุนนอกงบประมาณที่สามารถหารายได้ได้เอง และมีเงินฝากที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เพื่อนำมาใช้ดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล โดยในเบื้องต้น กรมบัญชีกลางได้รวบรวมข้อมูลพบว่า สามารถโยกเงินจากกองทุนนอกงบประมาณมาใช้ได้ถึงกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังจะใช้วิธีการนำเงินจากกองทุนนอกงบประมาณที่นอกเหนือจากการจัดสรรตามปกติโดยเฉพาะกองทุนที่มีเงินฝากอยู่จำนวนมากแต่ไม่ได้ใช้หมุนเวียนตามโครงการต่างๆ ของกองทุนเป็นเพียงการฝากเพื่อรับผลประโยชน์เป็นดอกเบี้ยเงินฝากเท่านั้นก่อนลงลึกในรายละเอียดกองทุนอื่นๆ ต่อไป
“เท่าที่กรมบัญชีกลางรายงานในเบื้องต้นพบว่า กองทุนน้ำบาดาลเป็นกองทุนที่มีสภาพคล่องส่วนเกิน หรือมีเงินฝากในธนาคารเป็นจำนวนมาก และรัฐบาลสามารถนำมาใช้ก่อนได้ ซึ่งหากกองทุนน้ำบาดาลต้องการใช้เงินงบประมาณเพิ่มเติมรัฐบาลสามารถจัดสรรคืนให้ในภายหลังได้ และดูเงินกองทุนอื่นๆ ด้วยเช่นกันเพื่อนำมาพัฒนาด้านอื่นๆ ของประเทศที่มีประโยชน์มากกว่าฝากไว้ที่แบงก์”
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเสนอ ครม.เพื่อขออนุมัติแก้ไขข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติเกี่ยวกับการเงินขององค์การ พ.ศ.2495 ซึ่งออกโดยพระราชบัญญัติเงินคงคลัง มาตรา 13 เพื่อให้การเรียกเก็บรายได้ครอบคลุมองค์การอื่นๆ เนื่องจากข้อบังคับข้อ 1 ระบุว่า การเก็บเงินส่งเงินรายได้ จะทําได้เฉพาะองค์การค้า หรือส่วนราชการที่ดําเนินการเกี่ยวกับการค้า หรืออุตสาหกรรม
“ขณะนี้ยังมีเงินกองทุนนอกงบประมาณที่ยังมีสภาพคล่องส่วนเกินเหลืออยู่มากที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ รัฐบาลจึงมองว่าน่าจะสามารถนนํามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ อย่างกองทุนน้ําบาดาลก็จะส่งมาให้ 2 พันล้านบาท แต่หากจะให้กรมทรัพายากรนํ้าบาดาล ส่งเงินเป็นรายได้แผ่นดินเราต้องแก้ไขข้อบังคับดังกล่าว และยังจะทําให้สามารถเรียกเก็บจากส่วนราชการอื่นได้ด้วย โดยคาดน่าจะเสนอ ครม.สัญจรเร็วๆ นี้”
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอนำเงินจากกองทุนนอกงบประมาณที่สามารถหารายได้ได้เอง และมีเงินฝากที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เพื่อนำมาใช้ดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล โดยในเบื้องต้น กรมบัญชีกลางได้รวบรวมข้อมูลพบว่า สามารถโยกเงินจากกองทุนนอกงบประมาณมาใช้ได้ถึงกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังจะใช้วิธีการนำเงินจากกองทุนนอกงบประมาณที่นอกเหนือจากการจัดสรรตามปกติโดยเฉพาะกองทุนที่มีเงินฝากอยู่จำนวนมากแต่ไม่ได้ใช้หมุนเวียนตามโครงการต่างๆ ของกองทุนเป็นเพียงการฝากเพื่อรับผลประโยชน์เป็นดอกเบี้ยเงินฝากเท่านั้นก่อนลงลึกในรายละเอียดกองทุนอื่นๆ ต่อไป
“เท่าที่กรมบัญชีกลางรายงานในเบื้องต้นพบว่า กองทุนน้ำบาดาลเป็นกองทุนที่มีสภาพคล่องส่วนเกิน หรือมีเงินฝากในธนาคารเป็นจำนวนมาก และรัฐบาลสามารถนำมาใช้ก่อนได้ ซึ่งหากกองทุนน้ำบาดาลต้องการใช้เงินงบประมาณเพิ่มเติมรัฐบาลสามารถจัดสรรคืนให้ในภายหลังได้ และดูเงินกองทุนอื่นๆ ด้วยเช่นกันเพื่อนำมาพัฒนาด้านอื่นๆ ของประเทศที่มีประโยชน์มากกว่าฝากไว้ที่แบงก์”
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเสนอ ครม.เพื่อขออนุมัติแก้ไขข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติเกี่ยวกับการเงินขององค์การ พ.ศ.2495 ซึ่งออกโดยพระราชบัญญัติเงินคงคลัง มาตรา 13 เพื่อให้การเรียกเก็บรายได้ครอบคลุมองค์การอื่นๆ เนื่องจากข้อบังคับข้อ 1 ระบุว่า การเก็บเงินส่งเงินรายได้ จะทําได้เฉพาะองค์การค้า หรือส่วนราชการที่ดําเนินการเกี่ยวกับการค้า หรืออุตสาหกรรม
“ขณะนี้ยังมีเงินกองทุนนอกงบประมาณที่ยังมีสภาพคล่องส่วนเกินเหลืออยู่มากที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ รัฐบาลจึงมองว่าน่าจะสามารถนนํามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ อย่างกองทุนน้ําบาดาลก็จะส่งมาให้ 2 พันล้านบาท แต่หากจะให้กรมทรัพายากรนํ้าบาดาล ส่งเงินเป็นรายได้แผ่นดินเราต้องแก้ไขข้อบังคับดังกล่าว และยังจะทําให้สามารถเรียกเก็บจากส่วนราชการอื่นได้ด้วย โดยคาดน่าจะเสนอ ครม.สัญจรเร็วๆ นี้”
