บิ๊กทีเอ็มบีมั่นใจสินเชื่อปีนี้เติบโตเกินเป้า 15% ปัดคอมเมนต์กรณีไอเอ็นจีขายหุ้น แจงนักลงทุนฐานะแบงก์ที่แข็งแกร่งขึ้นทำให้มีผู้สนใจซื้อหุ้นมากขึ้น
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB)เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงมั่นใจว่าสินเชื่อในปี 55 จะเติบโตเกิน 15% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ หลังเห็นการขยายตัวสินเชื่อในไตรมาส 1 ที่ผ่านมายังเติบโตได้ดี และในปีนี้ ธนาคารยังมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า เพื่อทำให้ธนาคารมีกำไรที่สูงขึ้น
สำหรับแผนงาน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2553-2557 ที่ตั้งเป้าภายในปี 57 อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มขึ้นเป็น 14% จาก ณ สิ้นปี 54 อยู่ที่ราว 7.9% นั้น เป็นจุดที่ทำให้นักลงทุนหลายรายสนใจเข้าซื้อหุ้นธนาคาร หลังธนาคารมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น มีกำไรเติบโตดี และมีการจ่ายเงินปันผลในปีที่ผ่านมา
“กรณีที่ทางปลัดคลัง (นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม) ออกมาระบุว่า ทางกลุ่ม ING ไม่มีแผนขายหุ้นของธนาคารแล้ว ผมไม่สามารถให้ความเห็นได้ แต่ส่วนตัวไม่อยากให้มองเรื่องซื้อขายหุ้น อยากให้นักลงทุนคำนึงถึงตัวธนาคารมากกว่า ซึ่งขณะนี้ก็มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมีกำไรและจ่ายปันผลได้ดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีนักลงทุนสนใจเข้ามาซื้อหุ้น”
นายบุญทักษ์กล่าวอีกว่า การที่พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากที่ลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาทในเดือน ส.ค.ที่จะถึงนี้นั้น จะไม่กระทบกับธุรกิจของธนาคาร เนื่องจากตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ฐานเงินฝากของธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเงินฝากบุคคล โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3 แสนราย ทำให้ธนาคารลดการพึ่งพิงเงินฝากของลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งมีดอกเบี้ยสูงและทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารขณะนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับธนาคารขนาดใหญ่
โดยปัจจุบัน ธนาคารก็มีฐานะการเงินที่มั่นคงขึ้น มีฐานะเงินกองทุนสูงถึง 16% อยู่ในลำดับต้นๆ ของธนาคารในประเทศไทย ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 54 ฐานเงินฝากของ TMB อยู่ที่ 4.52 แสนล้านบาท
ก่อนหน้านี้ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้ติดต่อไปยังไอเอ็นจีกรุ๊ป หลังมีกระแสการขายหุ้นธนาคารทหารไทยที่ถืออยู่ 31% ซึ่งไอเอ็นจีกรุ๊ปได้ปฎิเสธเรื่องดังกล่าว และชี้แจงว่า ยังไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นธนาคารทหารไทยส่วนหุ้น TMB ที่กระทรวงการคลังถืออยู่ 25% ยังคงยืนยันที่จะให้สิทธิ ไอเอ็นจีกรุ๊ป เป็นรายแรกในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มจากกระทรวงการคลัง
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB)เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงมั่นใจว่าสินเชื่อในปี 55 จะเติบโตเกิน 15% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ หลังเห็นการขยายตัวสินเชื่อในไตรมาส 1 ที่ผ่านมายังเติบโตได้ดี และในปีนี้ ธนาคารยังมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า เพื่อทำให้ธนาคารมีกำไรที่สูงขึ้น
สำหรับแผนงาน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2553-2557 ที่ตั้งเป้าภายในปี 57 อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มขึ้นเป็น 14% จาก ณ สิ้นปี 54 อยู่ที่ราว 7.9% นั้น เป็นจุดที่ทำให้นักลงทุนหลายรายสนใจเข้าซื้อหุ้นธนาคาร หลังธนาคารมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น มีกำไรเติบโตดี และมีการจ่ายเงินปันผลในปีที่ผ่านมา
“กรณีที่ทางปลัดคลัง (นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม) ออกมาระบุว่า ทางกลุ่ม ING ไม่มีแผนขายหุ้นของธนาคารแล้ว ผมไม่สามารถให้ความเห็นได้ แต่ส่วนตัวไม่อยากให้มองเรื่องซื้อขายหุ้น อยากให้นักลงทุนคำนึงถึงตัวธนาคารมากกว่า ซึ่งขณะนี้ก็มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมีกำไรและจ่ายปันผลได้ดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีนักลงทุนสนใจเข้ามาซื้อหุ้น”
นายบุญทักษ์กล่าวอีกว่า การที่พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากที่ลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาทในเดือน ส.ค.ที่จะถึงนี้นั้น จะไม่กระทบกับธุรกิจของธนาคาร เนื่องจากตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ฐานเงินฝากของธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเงินฝากบุคคล โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3 แสนราย ทำให้ธนาคารลดการพึ่งพิงเงินฝากของลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งมีดอกเบี้ยสูงและทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารขณะนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับธนาคารขนาดใหญ่
โดยปัจจุบัน ธนาคารก็มีฐานะการเงินที่มั่นคงขึ้น มีฐานะเงินกองทุนสูงถึง 16% อยู่ในลำดับต้นๆ ของธนาคารในประเทศไทย ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 54 ฐานเงินฝากของ TMB อยู่ที่ 4.52 แสนล้านบาท
ก่อนหน้านี้ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้ติดต่อไปยังไอเอ็นจีกรุ๊ป หลังมีกระแสการขายหุ้นธนาคารทหารไทยที่ถืออยู่ 31% ซึ่งไอเอ็นจีกรุ๊ปได้ปฎิเสธเรื่องดังกล่าว และชี้แจงว่า ยังไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นธนาคารทหารไทยส่วนหุ้น TMB ที่กระทรวงการคลังถืออยู่ 25% ยังคงยืนยันที่จะให้สิทธิ ไอเอ็นจีกรุ๊ป เป็นรายแรกในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มจากกระทรวงการคลัง
