xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไร้ปัจจัยบวกแค่ 3 จุด UV มาแรงราคา-วอลุ่มพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หุ้นไทยไร้ปัจจัยผลักดัน ปรับตัวในกรอบแคบบวกเพิ่มอีก 3 จุด โบรกฯ แนะจับตามาตราการเสริมสภาพคล่องในยุโรป และสหรัฐฯ คาดเป็นเช่นต่อไปอีก 2-3 วัน ด้าน บมจ.ยูนิเวนเจอร์ มาแรงราคาพุ่งขึ้นอันดับ 1 มูลค่าการซื้อขายสูงสุด ด้วยวอลุ่มเทรด 1.5 พันล้านปิดเพิ่ม 1.60 บาท อยู่ที่ 8.10 บาท
 

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 ก.ย.) เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยปิดที่ 1,287.41 จุด เพิ่มขึ้น 3.11 จุด มูลค่าซื้อขาย 34,855.89 ล้านบาท หลายฝ่ายเชื่อว่าดัชนีกำลังรอปัจจัยใหม่เข้ามา โดยเฉพาะ Flow ที่จะเป็นผลมาจาก QE3 นอกจากนี้ ยังต้องรอตัวเลขเศรษฐกิจ-ผลประกอบการของบริษัทดจดทะเบียน และสถานการณ์ในยุโรปด้วย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาของสเปน โดยระหว่างวัน ดัชนีปรับตัวแตะจุดสูงสุดที่ 1,290.70 จุด และต่ำสุดที่ 1,284.46 จุด

หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 289 หลักทรัพย์ ลดลง 260 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 151 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ UV มูลค่าการซื้อขาย 1,573.30 ล้านบาท ปิดที่ 8.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.60 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,301.82 ล้านบาท ปิดที่ 392.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง BAY มูลค่าการซื้อขาย 1,184.25 ล้านบาท ปิดที่ 33.25 บาท ลดลง 1.75 บาท TMB มูลค่าการซื้อขาย 1,153.73 ล้านบาท ปิดที่ 1.83 บาท ลดลง 0.06 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,046.41 ล้านบาท ปิดที่ 18.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์สำหรับลูกค้าสถาบัน บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบเหมือนกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากกำลังรอปัจจัยใหม่เข้ามา ประกอบกับรอ Flow ที่จะเป็นผลมาจาก QE3 ด้วย ซึ่งเชื่อว่าตอนนี้ยังไม่ได้เข้ามา อีกทั้งยังรอดูตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศออกมา และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ รวมทั้งสถานการณ์ในยุโรป โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาของสเปนที่ยังไม่มีคำตอบ ทำให้สัปดาห์หน้ามองวอลุ่มเทรดของตลาดฯ จะน้อยลงไปอีก เนื่องจากตลาดจีน ตลาดฮ่องกง จะหยุดทำการหลายวันเนื่องในวันชาติจีน
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (26 ก.ย.) คาดว่า ดัชนีคงจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบไม่ต่างจากวันนี้เท่าไรนัก เพื่อรอปัจจัยใหม่เข้ามา และหากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) โดยเฉพาะราคาน้ำมันยังลดลงอีกก็อาจทำให้ตลาดฯ ปรับฐานได้ เป็นผลจากแรง take profit จากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และพวก Commodity พร้อมให้แนวรับ 1,275 จุด แนวต้าน 1,289-1,290 จุด โดยแนะนักลงทุนให้รอซื้อแถว 1,250-1,260 จุด เนื่องจากดัชนีคงจะปรับฐานก่อน

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย ) กล่าวว่า ทิศทางตลาดวันนี้ (26 ก.ย.) คาดว่าดัชนียังมีทิศทางเดียวกัน คือ การเคลื่อนไหวแคบๆ จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องมาตรการต่างๆ ในเรื่องการเสริมสภาพคล่องทั้งในยุโรป และอเมริกา ทำให้ดัชนีมีแนวต้าน 1,300 จุด และแนวรับ 1,280 จุด

หุ้นUV..มาแรง? ทั้งปริมาณการซื้อขาย &ราคา

ขณะเดียวกัน รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งว่า ในการซื้อขายหลักทรัพย์ช่วงเช้าวันนี้ (25 ก.ย.) ราคาหุ้นของ บมจ.ยูนิเวนเจอร์ (UV) ปรับตัวสูงขึ้น 26.15% อยู่ที่ 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.70 บาท มูลค่าการซื้อ 980.736 ล้านบาท นอกจากนี้พบว่า ในการซื้อขายครึ่งวันเช้า หุ้น UV มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับ1 ขณะเดียวกัน นับเป็นหุ้นที่มีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นอันดับ 2 และเป็นหุ้นมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับ 5 ใน 10 อันดับหลักทรัพย์ที่ตลท.เปิดเผย ต่อมา ในช่วงการซื้อขายรอบบ่าย ราคาหุ้น UV ปิดที่ 8.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.60 บาท หรือ 24.62% มูลค่าการซื้อขาย 1,573.30 ล้านบาท

ทั้งนี มีการเชื่อกันว่าสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นมาจากแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ทั้งกองทุน และบริษัทหลักทรัพย์เข้ามาลงทุนในหุ้น UV รับข่าวที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในเครือเบียร์ช้าง จะทำการเข้าซื้อกิจการ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) และบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ (Grand U) แต่เป็นที่น่าสงสัยสำหรับนักลงทุนหลายราย เนื่องจาก เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายน แต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าผิดสังเกตในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

อย่างไรก็ตาม ยังมีนักลงทุนบางส่วนประเมินว่า อาจจะด้วยมูลค่าหุ้นของ UV ที่ยังต่ำกว่า 10 บาท ทำให้เห็นว่าหุ้นยังราคาถูก แต่ขณะนี้มูลค่าทางบัญชี (Book value) ณ สิ้น มิ.ย.55 ของบริษัทฯ จะอยู่ที่ 2.57 บาท/หุ้น

สำหรับ UV ได้กำหนดจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 17 ต.ค.55 เพื่อขอมติเพิ่มทุนเต็มจำนวน 8,200 ล้านบาท ตามที่บริษัทได้ประเมินวงเงิน Grand U คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 660 ล้านบาท และใช้เงินทำเทนเดอร์ฯ หุ้น GOLD ประมาณ 7,000 ล้านบาท (กรณีที่ทำเทนเดอร์ฯ 100%)
กำลังโหลดความคิดเห็น