ผู้อำนวยการ สบน. ยอมรับ QE3 ทำเงินทุนไหลเข้าไทยมากขึ้น ส่งผลต่อค่าเงินบาทให้แข็งค่า แต่ก็ช่วยให้โครงการรับจำนำข้าวมีความคล่องตัวมากขึ้น เล็งเตรียมงบ 1.5 แสนล้าน ใช้ในโครงการรับจำนำข้าวปี 55/56 ระบุ แนวโน้มราคาข้าวตลาดโลกเริ่มปรับดีขึ้น
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการอัดเงินเข้าสู่ระบบอีก 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (QE3) โดยคาดว่าจะทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้สภาพคล่องในระบบมีเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ปริมาณเงินไหลเข้าดังกล่าวยังจะช่วยให้การนำเงินมาใช้ในการรับจำนำข้าวมีความคล่องตัวมากขึ้น รวมถึงเงินทุนที่ไหลเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก เพราะอัตราดอกเบี้ยในไทยยังคงสูง หากเปรียบเทียบกับสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินบาทของประเทศไทยแข็งค่าเพิ่มมากขึ้น แต่จะสามารถสร้างต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้แก่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยในการดูดซับสภาพคล่อง
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กล่าวว่า ในเดือนตุลาคม 2555 นี้ จะมีการประชุมใหญ่ของทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และทางธนาคารโลก ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยจะใช้โอกาสนี้ชี้แจงข้อมูลให้สถาบันจัดอันดับเครดิต มูดี้ส์ และ S&P ปรับขึ้นอันดับเครดิตของประเทศไทย หลังจากมีการปรับลดมาระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่เกิดปัญหาความรุนแรงทางการเมือง ช่วงปี 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศไทยปรับตัวดีขึ้น และการเมืองถือว่ามีเสถียรภาพอย่างมาก ทั้งนี้ การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยในปัจจุบัน ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้จัดลำดับความน่าเชื่อถือไว้ที่ ทริปเปิล บี
นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หากมีการจัดอันดับเครดิตได้รวดเร็ว จะเป็นผลดีในช่วงที่หลายประเทศกำลังสนใจเข้ามาลงทุนในตราสารของประเทศไทยในอนาคต และในอนาคตที่ประเทศไทย มีโครงการจะระดมทุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 ล้านล้านบาทนั้น ก็จะทำให้การลงทุนง่ายขึ้น
ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ยังกล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแผนรับจำนำข้าวเปลือก ฤดูกาลผลิต ปี 2555/2556 วงเงิน 405,000 ล้านบาท ซึ่งทาง สบน. จะต้องรับผิดชอบหาแหล่งเงินกู้ให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการดำเนินการรับจำนำ โดยเบื้องต้นได้เตรียมแผนวงเงินไตรมาสแรกไว้แล้วที่ 150,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะไม่มีปัญหาในการระดมทุน
อย่างไรก็ตาม งบที่ใช้ในการจำนำข้าวในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 270,000 ล้านบาท และใช้เงินของทาง ธ.ก.ส. ไปแล้ว 90,000 ล้านบาท ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงเร่งระบายข้าวออกตลาดอย่างต่อเนื่อง และราคาข้าวมีแนวโน้มดีขึ้น ดังนั้น หากกระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการส่งคืนให้แก่ทาง ธ.ก.ส. เพื่อเป็นทุนใช้รับจำนำข้าวในปีต่อไปนั้น จะช่วยลดภาระการจัดหาแหล่งเงินทุนของทางกระทรวงการคลังได้
