“คลัง” นัด “มูดี้ส์-เอสแอนด์พี” แจงข้อมูลใหม่ ศก.ไทย เพื่อดันเครดิตเรตติ้งเพิ่ม เตรียมรองรับแผนกู้ 2 ล้านล้านบาท ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน “สมชัย” ชี้ เครดิตประเทศไทยต่ำกว่าพื้นฐานที่เป็นจริง ขณะที่หลายประเทศพื้นฐานสู้ไทยไม่ได้ แต่ได้เครดิตสูงกว่าไทย จึงต้องชี้แจงให้สถาบันจัดเครดิตเรตติ้งรู้ข้อมูลล่าสุด ขณะที่ ครม. พิจารณาแผนบริหารหนี้สาธารณะปีงบ 56 วงเงิน 2 ล้านล้านบาท สูงสุดในประวัติศาสตร์
รายงานข่าวแจ้งว่า นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เตรียมเดินทางไปประชุมธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระหว่างวันที่ 10-13 ตุลาคม 2555 ที่ญี่ปุ่น ได้นัดบริษัท มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และบริษัท สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือเอสแอนด์พี สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือเครดิตเรตติ้ง เพื่อให้ทั้งสองแห่งปรับเครดิตเรตติ้งไทยดีขึ้น เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจไทยดีกว่าช่วงที่ผ่านมา
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า ขณะนี้เครดิตประเทศไทยต่ำกว่าพื้นฐานที่เป็นจริง ขณะที่หลายประเทศพื้นฐานสู้ไทยไม่ได้ แต่ได้เครดิตสูงกว่าไทย จึงต้องชี้แจงให้สถาบันจัดเครดิตเรตติ้งรู้ข้อมูลล่าสุด ประกอบด้วย เศรษฐกิจไทยขยายตัวปีละไม่ต่ำกว่า 5% โดยปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 5.5%
ด้านเสถียรภาพก็แข็งแกร่ง มีอัตราว่างงานต่ำ 0.6% ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศสูงถึง 1.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ 3% ขณะที่สถาบันการเงินไทยแข็งแรง มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) สูงถึง 15 เท่า แต่หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพียง 2% ของสินเชื่อทั้งระบบ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใน 7 ปีข้างหน้า ที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง
การที่ไทยได้ขยับเครดิตเรตติ้งจะเป็นผลดีต่อการออกพันธบัตรเพื่อระดมเงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อใช้สร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพราะนอกจากจะทำให้นักลงทุนสนใจซื้อพันธบัตรรัฐบาลแล้ว รัฐบาลยังจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำลงด้วย
ปัจจุบัน มูดี้ส์จัดเรตติ้งพันธบัตรไทยระยะยาว สกุลต่างประเทศ ที่ Baaa1 ขณะที่เอสแอนด์พี จัดไว้ที่ BBB+ ดีขึ้นจากปี 2552 ที่ทั้งสองแห่งปรับลดเรตติ้งไทย เนื่องจากปัญหาความรุนแรงทางการเมืองเมื่อปี 2552 โดยปัจจุบัน ไทยมีเสถียรภาพทางการเมืองดีขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัทจัดเรตติ้งอีกแห่งจัดไทยไว้ที่ BBB
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า วันนี้ กระทรวงการคลังเสนอแผนบริหารหนี้สาธารณะปีงบประมาณ 2556 วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ที่ค้างการพิจารณานำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งในวงเงินนี้ได้รวมเงินกู้ 160,000 ล้านบาท ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำไปรับจำนำข้าวรอบใหม่ รวมทั้งแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 11 พ.ศ.2555-2559 โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลขหนี้สาธารณะปีงบ 2556 ถือว่าสูงสุดในประวัติศาสตร์