ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีคาดส่งออกไทยปีนี้โตได้แค่ 3% ทรุดตามจีน แนะหันเจาะตลาด CLMV “กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม” ยังมีอนาคตรับเออีซี
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี (TMB Analytics) ประเมินส่งออกไทยปี 2555 อาจขยายตัวเพียงร้อยละ 3.0 จากภาวะเศรษฐกิจคู่ค้าหลักชะลอตัว และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เหลือเพียงส่งออกไปกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม (CLMV) ยังโตต่อเนื่องสวนทางตลาดอื่นๆ โดยเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2555 ทางการจีนได้รายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของจีนในเดือนสิงหาคมแสดงถึงการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีนที่ได้รับผลกระทบวิกฤตยุโรป และการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ โดยส่งออกขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2.7 ในขณะที่การนำเข้าหดตัวอย่างน่าเป็นห่วงที่ร้อยละ 2.7 และสินค้านำเข้าจากอาเซียนและไทยกลับหดตัวมากขึ้นที่ร้อยละ 9.4 และ 10.4 ตามลำดับ บ่งชี้ว่าตัวเลขการส่งออกจากไทยไปจีนนั้น น่าจะหดตัวต่อเนื่องในเดือนสิงหาคม ทำให้การส่งออกไทยโดยรวมมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงไปอีกระยะหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าส่งออกของ SMEs ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยครึ่งปีแรก SMEs มีมูลค่าส่งออก 627,286 ล้านบาท ลดลงกว่า 16,254 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.5 นำโดยตลาดยุโรปที่ลดลงถึงร้อยละ 10.9 ญี่ปุ่นที่ร้อยละ -8.7 สหรัฐฯ ที่ร้อยละ -2.2 ขณะที่ตลาดอาเซียนเดิมขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 เท่านั้น ส่วนการส่งออกไป CLMV มีมูลค่า 58,947 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,789 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 แสดงให้เห็นว่า CLMV น่าจะเป็นตลาดที่ยังพึ่งพาได้ ซึ่ง SMEs ควรให้ความสำคัญกับตลาดนี้เพิ่มขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากตลาดหลัก
ทั้งนี้ แนวโน้มการนำเข้าของ CLMV ดังกล่าวจะยังขยายตัวต่อเนื่อง เพราะความจำเป็นของการใช้สินค้าทุนเพื่อการพัฒนาประเทศ และตอบสนองการบริโภคในประเทศที่กำลังซื้อของผู้บริโภคกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของ SMEs ที่จะหันมาค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากตลาดหลักที่หดตัวในปัจจุบัน และปูทางสำหรับการค้าขายที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดย SMEs ที่จะได้ประโยชน์ คือ SMEs กลุ่มค้าชายแดน ธุรกิจที่มีการค้าและความสัมพันธ์กับประเทศเหล่านี้ และ SMEs ที่อยู่ในเครือข่ายของธุรกิจรายใหญ่ที่เข้าไปลงทุนในประเทศ CLMV สินค้าที่น่าจะได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี (TMB Analytics) ประเมินส่งออกไทยปี 2555 อาจขยายตัวเพียงร้อยละ 3.0 จากภาวะเศรษฐกิจคู่ค้าหลักชะลอตัว และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เหลือเพียงส่งออกไปกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม (CLMV) ยังโตต่อเนื่องสวนทางตลาดอื่นๆ โดยเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2555 ทางการจีนได้รายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของจีนในเดือนสิงหาคมแสดงถึงการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีนที่ได้รับผลกระทบวิกฤตยุโรป และการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ โดยส่งออกขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2.7 ในขณะที่การนำเข้าหดตัวอย่างน่าเป็นห่วงที่ร้อยละ 2.7 และสินค้านำเข้าจากอาเซียนและไทยกลับหดตัวมากขึ้นที่ร้อยละ 9.4 และ 10.4 ตามลำดับ บ่งชี้ว่าตัวเลขการส่งออกจากไทยไปจีนนั้น น่าจะหดตัวต่อเนื่องในเดือนสิงหาคม ทำให้การส่งออกไทยโดยรวมมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงไปอีกระยะหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าส่งออกของ SMEs ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยครึ่งปีแรก SMEs มีมูลค่าส่งออก 627,286 ล้านบาท ลดลงกว่า 16,254 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.5 นำโดยตลาดยุโรปที่ลดลงถึงร้อยละ 10.9 ญี่ปุ่นที่ร้อยละ -8.7 สหรัฐฯ ที่ร้อยละ -2.2 ขณะที่ตลาดอาเซียนเดิมขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 เท่านั้น ส่วนการส่งออกไป CLMV มีมูลค่า 58,947 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,789 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 แสดงให้เห็นว่า CLMV น่าจะเป็นตลาดที่ยังพึ่งพาได้ ซึ่ง SMEs ควรให้ความสำคัญกับตลาดนี้เพิ่มขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากตลาดหลัก
ทั้งนี้ แนวโน้มการนำเข้าของ CLMV ดังกล่าวจะยังขยายตัวต่อเนื่อง เพราะความจำเป็นของการใช้สินค้าทุนเพื่อการพัฒนาประเทศ และตอบสนองการบริโภคในประเทศที่กำลังซื้อของผู้บริโภคกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของ SMEs ที่จะหันมาค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากตลาดหลักที่หดตัวในปัจจุบัน และปูทางสำหรับการค้าขายที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดย SMEs ที่จะได้ประโยชน์ คือ SMEs กลุ่มค้าชายแดน ธุรกิจที่มีการค้าและความสัมพันธ์กับประเทศเหล่านี้ และ SMEs ที่อยู่ในเครือข่ายของธุรกิจรายใหญ่ที่เข้าไปลงทุนในประเทศ CLMV สินค้าที่น่าจะได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น