ฝ่ายวิจัย ธ.ทหารไทย คาดวิกฤตน้ำท่วมปีนี้ ส่งผลกระทบในวงกว้าง ศก.ส่อชะลอตัว 2 ไตรมาส การผลิตชะงัก “ธุรกิจขนาดใหญ่-พื้นที่เกษตร” เสียหายหนัก แนวโน้มรุนแรงกว่าปี 38 ระบุ เงินเฟ้อพุ่งพรวดแตะ 5% จากราคาสินค้าปรับสูงขึ้น ชี้ อาหาร-น้ำดื่ม ราคาเพิ่มจากอุปสงค์ที่เร่งตัวอย่างผิดปกติ เพราะมีการซื้อกักตุนรับมือสถานการณ์ ส่วนกระสอบทราย ราคาขยับขึ้นเท่าตัว
ฝ่ายวิจัย ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB Analytics เผยรายงานทิศทางเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤตน้ำท่วม โดยเตือนภาครัฐและประชาชนเตรียมตัวรับมือราคาสินค้าพุ่ง พร้อมประเมินว่า ระดับราคาจะเร่งตัวต่อเนื่องไปถึงช่วงต้นปีหน้า โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีโอกาสแตะร้อยละ 5 นำโดยการเพิ่มขึ้นของราคากลุ่มอาหารสดที่จะขยับขึ้นถึงร้อยละ 12
สำหรับวิกฤตน้ำท่วมในขณะนี้ คาดว่า จะส่งผลกระทบรุนแรงและเป็นวงกว้าง โดยระดับความเสียหายในครั้งนี้สามารถเทียบได้กับปี 2538 ที่ประเทศไทยต้องประสบกับน้ำท่วมหนักในหลายจังหวัด และกินระยะเวลานานถึง 4 เดือน
ทั้งนี้ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ประชาชนสามารถรับรู้ได้ทันทีถึงราคาสินค้าที่เพิ่มจากอุปสงค์ที่เร่งตัวอย่างผิดปกติในสินค้าหลัก 2 ประเภท ได้แก่ ราคาอาหารและน้ำดื่มที่ปรับขึ้น จากสาเหตุที่ประชาชนเร่งซื้อไปเตรียมกักตุนเพื่อรับสถานการณ์
ขณะที่ ราคาวัสดุก่อสร้างที่เกี่ยวกับการป้องกันน้ำ เช่น กระสอบทรายที่ปกติราคาอยู่ที่ 20-30 บาทต่อถุง แต่ราคากลับพุ่งขึ้นเท่าตัวเป็นประมาณ 50 บาท ส่วนด้านอุปทานของสินค้าอุปโภคบริโภคได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากพื้นที่เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมหลักที่โดนน้ำท่วม
ระดับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นนี้จะสูงขึ้นมากเพียงไร และจะต่อเนื่องนานเท่าใดนั้น อาจเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในปี 2538 ที่น้ำท่วมมีความรุนแรงมากที่สุดในเดือนตุลาคม 2554 ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนจากระดับร้อยละ 5-6 ในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนั้น เป็นระดับกว่าร้อยละ 7 ในไตรมาสสุดท้ายของปี ยาวไปถึงต้นไตรมาสสองของปี 2539
หลังจากนั้น เงินเฟ้อจึงค่อยปรับระดับลงมาสู่ภาวะปกติ หรือประมาณได้ว่าอัตราเงินเฟ้อที่มีอุทกภัยรุนแรงเสริม สูงกว่าระดับปกติที่ควรจะเป็น ถึงราวร้อยละ 30 และอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มอาหารสดที่มีสัดส่วนน้ำหนักในการคำนวณอัตราเงินเฟ้อทั่วไปประมาณร้อยละ 15 มีการเพิ่มของระดับราคาในอัตราที่สูงมาก โดยอัตราเงินเฟ้อในหมวดอาหารสดขยับขึ้นถึงร้อยละ 15 ในช่วงปลายปี จากระดับร้อยละ 10 ในเดือนกันยายนปีเดียวกันนั้น ดังนั้น หากการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาที่ได้รับเป็นไปในทิศทางและขนาดเช่นที่ปี 2538
TMB Analytics ประเมินว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมในขณะนี้จะทำให้ระดับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับขึ้นไปที่ร้อยละ 5.1 และอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดเป็นร้อยละ 11.9 ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี 2554 จากอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 4.0 และ 7.9 ตามลำดับในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
นอกจากปัญหาด้านเงินเฟ้อแล้ว ยังพบว่า วิกฤตน้ำท่วมในช่วงปี 2538 ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) และการบริโภคในประเทศชะลอตัวถึงสองไตรมาส ซึ่งในปีนี้ ความเสียหายในภาคการผลิตที่รุนแรงจากโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ จะรั้งให้ขนาดของการชะลอของเศรษฐกิจ ลงมากกว่าที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2538 ได้