xs
xsm
sm
md
lg

YLG เชื่อปีนี้ยอดขาย 8 แสนล. ลุ้นประกาศ QE3 ดันทองขาขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“วายแอลจี” คาดทั้งปียอดขายทองคำแท่งโตตามเป้า 8 แสนล้าน หลัง 8 เดือนแรก โกยไปแล้ว 5.7 แสนล้านบาท เช่นเดียวกับโกลด์ฟิวเจอร์ส มั่นใจเกิน 1 ล้านสัญญา แนะนักลงทุนจับตาผลตัดสินศาลเยอรมนี และ FOMC คาดหาก QE3 มาจริงบวกเพิ่มอีก 50 เหรียญ ดันช่วงเวลาที่เหลือปีนี้มีลุ้น 1,900 เหรียญ/ออนซ์
 

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาว่า สามารถทำยอดขายทองคำแท่งได้แล้วประมาณ 570,000 ล้านบาท ทำให้เชื่อว่าสิ้นปีนี้ยอดขายจะเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ 800,000 ล้านบาท สิ่งที่พบคือ พฤติกรรมของนักลงทุนที่เริ่มเข้าใจในการเคลื่อนไหวของราคาทองคำมากขึ้น ดังนั้น แม้ช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำจะปรับตัวลง แต่ปริมาณการลงทุน และจำนวนนักลงทุนในทองคำแท่งกลับเพิ่มขึ้นสวนทาง ทำให้วายแอลจียังสามารถรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ไว้ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการมีฐานลูกค้าถึง 3,000 บัญชี รวมถึงการจัดกิจกรรมการตลาดที่เน้นให้ความรู้ด้านการลงทุนในทองคำต่อเนื่อง

ด้าน น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวถึงผลการดำเนินธุรกิจโกลด์ฟิวเจอร์ส ในช่วงเดือน 8 ที่ผ่านมาว่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง มีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดถึง 97.07 % โดยมีปริมาณการซื้อขายจำนวน 961,193 สัญญา เทียบกับสิ้นปี 2554 ที่มีอยู่จำนวน 487,741 สัญญา และใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปี 2555 ที่ 1 ล้านสัญญา

ขณะเดียวกัน ยังมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าภาพรวมของตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สถึง 38.17 % ส่งผลทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 7.52% และยังมียอดการเทรดโกลด์ฟิวเจอร์สสูงสุดขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโบรกเกอร์ทอง

ส่วนการให้บริการซื้อขายเฉพาะอนุพันธ์ประเภทอื่น ได้แก่ SET 50 Index Futures และ Oil Futures ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ในระยะแรกบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเทรดภายในสิ้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 7,500 สัญญา

น.ส.ฐิภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ระยะสั้นจากนี้ นักลงทุนต่างติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศ ตั้งแต่การตัดสินของศาลเยอรมนี กรณีกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ถัดไปคือ การประชุมของคณะกรรมนโยบายการเงิน (FOMC) ของสหรัฐฯ ที่เริ่มมีน้ำหนักมากกว่า 60% เชื่อว่า จะมีการออกมาตรการ QE3 ซึ่งเป็นเหตุผลให้ราคาทองคำในช่วงนี้ปรับตัวสูงขึ้นมารับข่าวดังกล่าว

“เราให้แนวรับที่เชื่อว่าราคาทองคำไม่น่าจะต่ำกว่านี้ที่ 1,720-1,710 เหรียญ/ออนซ์ ส่วนแนวต้านก่อนมีประกาศ QE3 อยู่ที่ 1,750 เหรียญ/ออนซ์ แต่ถ้ามีการประกาศจริงเราเชื่อว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นอีก 50 เหรียญ/ออนซ์ ถ้าไม่ปรับจะลงไปที่ระดับ 1,690-1,700 เหรียญ/ออนซ์ โดยรวม หากมีการประกาศ QE3 ภายในเดือนนี้ และยังมีเวลาอีกหลายเดือนก่อนสิ้นปี ก็ทำให้เชื่อว่าราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นไปถึง 1,800-1,900 เหรียญ/ออนซ์ได้ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการประกาศใช้ แต่เลื่อนไปประกาศใช้ช่วง พ.ย. ก็ต้องคำนวณอีกครั้งว่าราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเท่าใด”

นอกจากนี้ พบว่าจากราคาทองคำที่อยู่ในขาลงช่วงก่อนหน้านี้ ได้ทำให้กองทุนต่างประเทศ และธนาคารกลางในหลายประเทศ ทยอยเข้ามาซื้อ หรือลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้น ทั้งทองคำแท่ง หน่วยลงทุนทองคำอย่าง ETF ซึ่งเรื่องดังกล่าวประเมินว่าหากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมาก ก็อาจโดนเทขายทำกำไรจากกองทุนที่เข้ามาลงทุนทองคำบ้าง จนมีผลให้ราคาปรับตัวลง

อย่างไรก็ตาม ซีอีโอวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำทั้ง 2 เรื่องจะผ่านพ้นไป แต่ใช่ว่าปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำจะหมดตามไปด้วย ทั้งนี้ อยากให้นักลงทุนติดตามเรื่อง Fiscal Cliff ของสหรัฐฯ ต่อ ซึ่งมาตรการดังกล่าวถูกนำมาใช้ในช่วงวิกฤตก่อนหน้านี้ หากเมื่อถึงตอนต้นปี สหรัฐฯไม่มีการขยายเวลาการยกเว้นภาษีเหล่านี้ออกไปจะส่งให้สภาพคล่องของเงินบางส่วนในระบบหาย ขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังไม่ดีขึ้นชัดเจน ทำให้มีผลต่อการขึ้นลงของราคาทองคำด้วย

เช่นเดียวกับเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่ตอนนี้สูงเต็มเพดานแล้ว 160,000 ล้านเหรียญ หากในปี 2556 ไม่มีการประกาศขยายเพดานหนี้ หรือมีการประกาศขยายเพดานหนี้ดังกล่าว ก็จะมีผลต่อราคาทองคำทั้งสิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น