xs
xsm
sm
md
lg

ที.เค.เอส.ฯ มั่นใจครึ่งหลังผลงานดีกว่า 6 เดือนแรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ศิริวรรณ” ส่งสัญญาณครึ่งปีหลัง “ที.เค.เอส.เทคโนโลยี” ทำผลงานสวยกว่าครึ่งปีแรก หลังปรับราคางานพิมพ์ให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อยู่ระหว่างประมูลงานใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง ไม่นับรวม Backlog ที่ตุนไว้แล้วราว 300 ล้านบาท พร้อมประกาศเตรียมรุกตลาด ตปท.เพิ่ม มั่นใจทั้งปีปั๊มรายได้โต 15% แตะ 1,300 ล้านบาทตามเป้า ด้านบอร์ดใจถึงยัง
สั่งปันผล0.10 บาทต่อหุ้น แม้ผลงานครึ่งแรกได้รับผลกระทบค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท

น.ส.ศิริวรรณ สุกัญจนศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ผู้ประกอบการธุรกิจงานพิมพ์ครบวงจรรายใหญ่ในประเทศ เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจการพิมพ์ในครึ่งปีหลังว่า มีแนวโน้มเติบโตสดใสกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ นอกจากนั้น ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี ยังรับรู้รายได้ที่เหลือจากงานพิมพ์แสตมป์สะสม 7-11 ที่ทยอยรับรู้รายได้มาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/2555 รวมทั้งงานพิมพ์หนังสือภาคเอกชน มูลค่างานราว 40 ล้านบาท และเริ่มทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในช่วงครึ่งปีหลังนี้เช่นเดียวกัน ประกอบกับ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจางานใหม่จากทั้งภาครัฐ และเอกชน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

“บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจางานภาครัฐบาลซึ่งถือว่าเป็นโปรเจกต์ใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4/2555 นี้ นอกจากนั้น ยังเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐบาล และเอกชน ส่งผลให้ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้เช่นเดียวกัน ประกอบกับ เรามีแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนการส่งออกเติบโตราว 20% จากปีก่อนหน้านี้อยู่ที่ 10% จึงมั่นใจว่าเป้าหมายรายได้คาดหวังจะติบโต 15% แตะ 1,300 ล้านบาท จะทำได้สำเร็จ” น.ส.ศิริวรรณกล่าว

ทั้งนี้ บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำไตรมาส 2/2555 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 มีผลกำไรสุทธิจำนวน 49.19 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 66.89 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลง 17.70 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 26.5 ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2555) บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิจำนวน 106.14 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 126.49 ล้านบาท ลดลง 20.35 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.1

โดยกำไรที่ลดลงมาจากกำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2555 ที่ลดลงเนื่องจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน มีผลให้ค่าจ้างเพิ่มสูงขึ้นเท่ากับร้อยละ 19.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 39.0 ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 9.81 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 24.4 จึงสะท้อนให้ผลประกอบการของบริษัทลดลงดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 13 กันยายน 2555

“ผลงาน Q2/55 ที่ลดลง เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับผลกระทบค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ ในส่วนของงานลูกค้าที่เป็น contact ต่อเนื่อง จึงทำให้ต้นทุนของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ปรับเพิ่มราคางานพิมพ์ในช่วงไตรมาส 3/2555 เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นแล้ว พร้อมทั้งทยอยปรับปรุง และซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มเพื่อนำมาช่วยดำเนินการผลิตแทนแรงงานคน จึงเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะผลักดันผลประกอบการให้เติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรกได้สำเร็จ” น.ส.ศิริวรรณกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น