“แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี” เผยปีนี้กวาดรายได้ไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท พร้อมลุ้นอาจมีรายได้เท่ากับปีที่แล้ว หากเก็บเกี่ยวรายได้จากมูลค่างานในมือที่มีกว่า 2,900 ล้านบาท รวมถึงรายได้จากงานใหม่ที่จะเข้ามา ระบุ ผู้ถือหุ้นสำคัญเสมอสิ้นปีจ่ายเงินปันผลเหมือนเช่นเคย ด้านธุรกิจต่างประเทศส่อแววดี ประเทศกัมพูชาเริ่มมีคำสั่งซื้อ ส่วนประเทศพม่าอยู่ระหว่างศึกษาเปิดสำนักงานคาดรู้ผลภายในปีนี้
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในการให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคมอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า คาดว่าในปีนี้ บริษัทจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้เนื่องจากโครงการของภาครัฐ และเอกชนที่บริษัทคาดว่าจะเริ่มเข้ามาตามปกติตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้นั้นหลายๆ โครงการได้ล่าช้าออกไปอันเป็นผลต่อเนื่องจากสภาวะน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 รวมไปถึงการปรับโครงสร้างบริหารงานภายในของบางองค์กรที่เกี่ยวข้องกับโครงการทางด้านระบบเทคโนโลยี และการสื่อสาร ทำให้หลายโครงการได้ชะลอออกไปด้วย
“โครงการต่างๆ ล่าช้าเป็นผลต่อเนื่องจากการเกิดปัญหาอุทกภัยตั้งแต่ปี 2554 ส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าตามไปด้วย เนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัทเป็นหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ทั้งทีโอที และ กสท อย่างไรก็ตาม คาดว่าโครงการต่างๆ จะทยอยเปิดประมูลในช่วงที่เหลือของปีนี้ และบริษัทซึ่งมีความพร้อมเข้าร่วมประมูลงาน มีประสบการณ์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระบบเครือข่ายสารสนเทศและการสื่อสารมากว่า 20 ปี มีทีมบุคลากรที่มีความสามารถ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ประกอบกับมีพันธมิตรระดับ Gold Partner กับ Cisco System ซึ่งเป็นผู้นำทางด้านอุปกรณ์เครือข่าย (Networking Solutions) ระดับโลกจะทำให้บริษัทมีโอกาสชนะการประมูลสูง ” นายศิริพงษ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผลประกอบการของปีนี้อาจจะไม่สูงเท่ากับที่ได้คาดหวังไว้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ผลประกอบการจะออกมาใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ที่บริษัทมีรายได้รวมประมาณ 4,800 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีรายได้จากมูลค่างานที่อยู่ระหว่างรอการรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 2,900 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 1,800 ล้านบาทภายในปี นี้รวมถึงรายได้ของงานใหม่ๆ ที่จะเข้ามา ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นโดยยังคงดำเนินนโยบายในการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ และคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างแน่นอน ส่วนจะจ่ายในอัตราเท่าใดทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เป็นผู้พิจารณา
สำหรับความคืบหน้าหลังจากบริษัทมีการขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชาเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อ (เออร์เดอร์) เข้ามาบ้างแล้ว และบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาในการเข้าเปิดสำนักงานตัวแทนในประเทศพม่าคาดว่าจะรับรู้ผลสรุปภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทก็ยังมีงานที่เข้าร่วมประมูล และรอผลการพิจารณาจากผู้ว่าจ้างอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงที่จะเข้าประมูลกับหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และยื่นเสนองานบริษัทเอกชนอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดนี้คือตัวเลขที่ทำให้บริษัทมีตัวเลขไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท
